นายสุปรี เบ้าสิงห์สวย กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เป็นหนึ่งใน โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ที่มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบทได้จับมือกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ น้อมรับแนวพระดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ว่า เยาวชนไทยควรได้บริโภคอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ โดยโรงเรียนจัดให้มีการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ขึ้นภายในโรงเรียน หรือสถานที่ใกล้เคียง เพื่อให้โรงเรียนมีรายได้จากการประกอบกิจกรรมดังกล่าว และนำมาเป็นค่าอาหารกลางวันนักเรียนตลอดไป ที่ผ่านมาโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนได้ดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปี เน้นการช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล ได้พ้นจากภาวะทุพโภชนาการ
นายสุปรี เผยว่า “โครงการดังกล่าวมีรูปแบบเน้นการถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการและหลักบริหารจัดการการเลี้ยงไก่ไข่ โดยทางซีพีเอฟได้สนับสนุนพันธุ์ไก่รุ่นแรก อาหารสัตว์ และการดูแลอย่างใกล้ชิดจากสัตวบาลของบริษัท ตลอดระยะเวลาการเลี้ยงไก่ไข่ในแต่ละรุ่น (ไก่ 1 รุ่น ใช้ระยะเวลาเลี้ยง 14 เดือน) ที่ผ่านมาเด็กนักเรียนได้เรียนรู้ และ สามารถสร้างผลผลิตไข่ไก่จากในโรงเรียน โดยนำผลผลิตส่วนหนึ่งมาประกอบเป็นอาหารกลางวัน และบางส่วนได้นำออกจำหน่ายเพื่อหารายได้มาจัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการให้สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง”
ล่าสุด มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ซีพีเอฟ ได้ลงพื้นที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเรดาร์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี หนึ่งในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่ร่วมโครงการฯและได้รับการสนับสนุนมาเป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเรดาร์ มีจำนวนนักเรียน 275 คน เริ่มโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนรุ่นแรก จำนวน 150 ตัว เมื่อปี 2550 ปัจจุบันเลี้ยงไก่ไข่รุ่นที่ 5 จำนวน 200 ตัว สามารถช่วยให้เด็กนักเรียนพ้นจากภาวะทุพโภชนาแล้ว 100% มีเงินหมุนวียนในการเลี้ยงไก่ไข่ร่วม 100,000 บาท นอกจากการเลี้ยงไก่ไข่แล้ว โรงเรียนยังมีการเลี้ยงสุกร ไก่พื้นเมือง ปลาดุก เป็ด และ พืชผักสวนครัวด้วย
นายศุภกิต ราชสีห์แก้ว คุณครูผู้ดูแลโครงการเลี้ยงไก่ไข่ของโรงเรียน กล่าวว่า “ในช่วงแรกต้องยอมรับว่า แต่ก่อนเด็กๆที่นี้ประสบปัญหาภาวะทุพโภชนาการ เช่น น้ำหนักตัวและส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เจ็บป่วยง่าย ไม่แข็งแรง ตั้งแต่มีโครงการนี้ มีผู้เชี่ยวชาญมาอบรม เรื่องการกิน การดูแลสุขภาพ โภชนาการ อาทิ คนเราควรบริโภคไข่ไก่ 3 ฟอง ต่อสัปดาห์ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสมอง สดชื่นแข็งแรง เด็กๆก็ได้เอามาปฏิบัติตาม โดยนำผลผลิตจากไก่ไข่ที่เลี้ยงนั้นมาบริโภคเอง และยังสามารถนำไข่ไก่บางส่วนไปขายเพื่อให้ได้กำไรเข้าสู่โรงเรียน สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เด็กๆมีความภูมิใจอย่างมากเลยทีเดียว รายได้สะสมจากการเลี้ยงในแต่ละรุ่นกลายเป็นกองทุนสำหรับดำเนินการโครงการต่อไปอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันยังสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านอาหารในช่วงที่ไข่ไก่มีระดับราคาสูงได้”
ปัจจุบันโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ดำเนินการแล้วใน 440 โรงเรียน ช่วยให้เด็กนักเรียนกว่า 84,000 คน พ้นจากภาวะทุพโภชนาการจากการได้รับโปรตีนและสารอาหารจำเป็นจากไข่ไก่ โครงการนี้เป็นที่ยอมรับว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาภาวะโภชนาการของเด็กไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงมีหลายหน่วยงานขอเข้าร่วมเจตนารมณ์กับมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบทฯ และซีพีเอฟ อาทิ สโมสรโรตารี หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) ในปีนี้ ตั้งเป้าขยายการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่ในโรงเรียนอีก 50 แห่ง ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และโรงเรียนสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ คาดว่าจะมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ 550 แห่ง ภายในกลางปี 2558./