มั่นใจเนื้อไก่ปลอดภัย….ไม่ใช้ฮอร์โมน
โดย น.สพ.บุญขวัญ วงษ์อยู่น้อย อุปนายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสัตว์ปีก
ปัจจุบันโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทกับผู้คนทั่วทุกมุมโลก ทำให้การติดต่อสื่อสารกันเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วมากขึ้น เรียกว่าเป็นการย่อโลกให้เล็กลง แต่ในดีก็มีเสีย เมื่อการติดต่อกันถูกย่นระยะเวลาลง ข่าวสารทั้งดี-ร้าย จริง-เท็จ จึงถูกส่งต่อกันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะข่าวเท็จที่มักส่งเร็วและได้รับความสนใจมากกว่าเรื่องจริง
อย่างเช่นในช่วงที่ผ่านมามีการส่งต่อเรื่องเกี่ยวกับไก่เนื้อถึง 2 เรื่องในเวลาใกล้ๆกัน คือ กรณีชายชาวจีนที่มีขนาดหน้าอกใหญ่ขึ้นโดยอ้างว่าเป็นเพราะกินไก่ กับอีกเรื่องที่มีภาพคนกำลังฉีดสารอะไรบางอย่างเข้าไปในตัวไก่ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนั้นยังไม่ได้มีการพิสูจน์และไม่ใช่เรื่องที่เกิดในประเทศไทย แต่การส่งข้อมูลต่อๆกันในลักษณะ “ไม่ชัวร์แต่รีบแชร์” และการให้ความเห็น ”แบบมโนกันไปเอง” ดังกล่าวนั้นทำให้ผู้บริโภคชาวไทยเกิดความกังวลอยู่ไม่น้อย
สำหรับเรื่องฮอร์โมนเร่งโตที่บางคนมีความเข้าใจว่าอาจยังมีการใช้อยู่ ซึ่งจะส่งผลให้บุตรหลานโตเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็ว ถึงขนาดห้ามไม่ให้ลูกหลานกินไก่ ทำให้เสียโอกาสที่จะได้รับโปรตีนคุณภาพสูงไปอย่างน่าเสียดาย
ในฐานะของผู้ที่อยู่ในวงการนี้มานาน ขอยืนยันว่าในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อในบ้านเราไม่มีการใช้ฮอร์โมนใดๆอย่างแน่นอน ที่มั่นใจเช่นนี้ก็ด้วย 2 เหตุผลสำคัญคือ 1. การใช้สารเร่งโตเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนตำรับยาที่มีเฮ็กโซเอสตรอล (Hexoestrol) ที่ใช้สำหรับตอนสัตว์ปีกและเป็นฮอร์โมนสำหรับรักษาสัตว์ ไม่ให้มีการจำหน่ายในประเทศไทย มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2529 หรือนานถึงเกือบ 30 ปีมาแล้ว เท่ากับว่าคนที่ใช้คือลักลอบทำผิดกฎหมาย ผู้ที่สั่งซื้อหรือนำเข้ามาก็มีความผิดเช่นกัน ที่สำคัญในกระบวนการเลี้ยงไก่ของไทยยังมีสัตวแพทย์และสัตวบาลดูแลใกล้ชิด และแม้ว่าผู้ผลิตจะมั่นใจอยู่แล้วว่าตนเองไม่ได้ใช้ฮอร์โมน แต่ทางกรมปศุสัตว์ก็มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ทั้งตรวจฮอร์โมนและสารตกค้าง ตรวจยาถ่ายพยาธิ์ ตรวจสารพิษจากเชื้อรา ฯลฯ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ไก่มีมาตรฐานอย่างแท้จริง
ส่วนอีกเหตุผลที่ถือว่าสำคัญไม่แพ้กัน คือ หากพบฮอร์โมนในผลิตภัณฑ์ไก่ลูกค้าก็จะยกเลิกการสั่งซื้อสินค้าทันที ซึ่งประเทศไทยถือเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่เป็นอันดับ 4 ของโลก โดยมีญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (อียู) เป็นตลาดนำเข้าหลัก รวมทั้งตลาดอื่นๆ คือ สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง แคนาดา และล่าสุดตลาดเกาหลีใต้ก็อนุญาตให้มีการนำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยแล้ว คงเหลือเพียงการเจรจาและจัดทำรายละเอียดทางด้านเทคนิคการนำเข้า
ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดผู้นำเข้าดังกล่าว โดยเฉพาะญี่ปุ่นและอียู ต่างเข้มงวดในเรื่องมาตรฐานของอาหารที่จะจัดจำหน่ายในประเทศของเขา จึงมีข้อกำหนดหรือมาตรฐานมากมายเพื่อให้ประเทศผู้ผลิตต้องปฏิบัติตาม อย่างเช่นบริษัทผู้นำเข้าเนื้อไก่รายใหญ่ทั้งเทสโก้ และแมคโดนัล ที่มีข้อกำหนดว่าผลิตภัณฑ์ที่จะส่งให้เขาต้องไม่ใช้ฮอร์โมน ต้องไม่มีสารเคมีและยาปฏิชีวนะตกค้าง และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ตั้งแต่สายพันธุ์ อาหาร การเลี้ยง การแปรรูป จนถึงขั้นตอนการขนส่ง จึงสรุปได้ว่าเนื้อไก่ที่ผลิตและส่งออกมีมาตรฐานสูงมากจนเป็นไปไม่ได้เลยว่ามีการใช้ฮอร์โมน ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ไทย
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย ที่ระบุว่า การส่งออกสินค้าไก่ของไทยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 นี้ มีปริมาณการส่งออกแล้ว 3.2 แสนตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2557 ประมาณ 24% สร้างมูลค่าการส่งออกถึง 3.6 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13-14% ส่วนในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าการส่งออกสินค้าเนื้อไก่จะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยสมาคมฯ ได้ประมาณการตัวเลขส่งออกไก่ของปีนี้ไว้ที่ 6.2 แสนตัน มูลค่า 8.3 หมื่นล้านบาท ตัวเลขทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นของประเทศต่างๆ ที่เห็นถึงศักยภาพการผลิตของไทย ที่มีกระบวนการผลิตสินค้าคุณภาพตามมาตรฐานสากล อีกทั้งแรงงานยังมีฝีมือ มีความชำนาญ และมีความปราณีตในการตัดแต่งจนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
อย่างไรก็ตามแม้จะมีตัวเลขส่งออกเป็นสิ่งยืนยันถึงคุณภาพของไก่ไทย แต่ยังมีคำถามว่า มาตรฐานการผลิตเพื่อการส่งออกกับการบริโภคภายในประเทศอาจไม่เหมือนกัน เรื่องนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การจะแยกกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงไก่ การผลิตอาหารไก่ รวมถึงการชำแหละและแปรรูป ให้เป็น 2 มาตรฐานนั้น เป็นเรื่องยุ่งยากและไม่คุ้มค่ากับการดำเนินการ ที่สำคัญคือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำ และที่ผ่านมาทางกรมปศุสัตว์ก็มีข้อกำหนดด้านการผลิตสัตว์ของไทย ที่เป็นมาตรฐานสากลในระดับเดียวกับต่างประเทศ สรุปแล้วทั้งในแง่กฎหมาย หลักวิชาการ ตลอดจนกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของประเทศทั้งที่บริโภคในประเทศและส่งออกต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานเดียวกัน
คำถามต่อมาคือ ถ้าไม่ใช้ฮอร์โมนหรือสารเร่งโตกับไก่..ทำไมไก่ถึงโตเร็ว? เรื่องนี้มีคำตอบง่ายๆ คือ ที่ไก่โตเร็วเริ่มจากการพัฒนาสายพันธุ์ไก่ โดยคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดี มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว ควบคู่กับการคิดค้นสูตรอาหารที่มีโภชนาการที่เหมาะสมกับไก่ในแต่ละช่วงอายุ มีการคำนวณโปรตีน พลังงาน แร่ธาตุที่ไก่ควรได้รับ เพื่อให้ไก่เติบโตได้ดีตามพันธุกรรม และหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าปัจจุบันไก่เนื้อของไทยเป็นสัตว์มังสวิรัต ที่กินแต่ถั่วเหลือง ข้าวโพด กับวิตามินที่จำเป็นบางตัวเท่านั้น นอกจากนี้ การเลี้ยงไก่ในโรงเรือนระบบปิดแบบอีแวปยังทำให้อุณหภูมิภายในโรงเรือนคงที่ตลอดการเลี้ยง เปรียบเหมือนไก่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา ทำให้ไม่เครียดและไม่ป่วย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา และมีการเจริญเติบโตที่เหมาะสมตามลักษณะสายพันธุ์ของไก่ รวมถึงการมีสภาพแวดล้อมและการจัดการในระบบการเลี้ยงอย่างถูกต้องทำให้ไก่มีสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี ประกอบกับการควบคุมและป้องกันโรคอย่างเข้มงวด ช่วยป้องกันเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ฟาร์มได้เป็นอย่างดี
ด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้าหรือของไทยเอง และเทคโนโลยีการเลี้ยงไก่ที่ก้าวหน้าไปมากในปัจจุบัน จึงเป็นบทสรุปที่ชัดเจนว่า อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ของไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโตใดๆทั้งสิ้น ผู้บริโภคจึงสามารถเลือกซื้อโปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อไก่มารับประทานได้อย่างมั่นใจ./