นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายธุรกิจสุกร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ถือเป็นหนึ่งในกิจการที่สำคัญของซีพีเอฟ ที่มีพื้นที่ดำเนินการอยู่ใกล้ชิดกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทได้พัฒนามาตรฐานที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการยกระดับการบริหารจัดการฟาร์มสุกรของบริษัทสู่มาตรฐานฟาร์มสีเขียว หรือกรีนฟาร์ม (Green Farm) เพื่อให้ฟาร์มเลี้ยงสัตว์มีกระบวนการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม น่าอยู่ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัยตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยปัจจุบันได้ดำเนินโครงการในฟาร์มสุกรของบริษัทเกือบทุกแห่งแล้ว
ระบบกรีนฟาร์ม เป็นความตั้งใจของซีพีเอฟในการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง จากการมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการผลิตที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างยาวนาน ด้วยการศึกษาเรื่องการจัดการเปลี่ยนของเสียภายในฟาร์มเลี้ยงสุกรให้กลายเป็นพลังงานสะอาด โดยได้นำระบบการผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลสุกร หรือไบโอแก๊ส มาใช้จนสามารถบริหารจัดการของเสียจากฟาร์มเลี้ยงสุกรได้อย่างเป็นระบบ และเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะเน้นที่การออกแบบฟาร์มให้มีบริเวณจัดเก็บและบำบัดของเสียอย่างเพียงพอ ที่สำคัญยังสามารถนำแก๊สชีวภาพที่ผลิตได้จากระบบบำบัดไปใช้ผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์ม เท่ากับช่วยลดการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และยังได้ประโยชน์ในแง่ของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมชุมชนไปพร้อมๆกัน เนื่องจากสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศ โดยเฉพาะ ก๊าซมีเทน สาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ เพื่อให้ฟาร์มสุกรอยู่ร่วมกับชุมชนรอบข้างได้อย่างมีความสุข ซีพีเอฟจึงพัฒนา ‘‘ระบบฟอกอากาศท้ายโรงเรือน’’ เพื่อช่วยลดกลิ่นจากโรงเรือนสุกร โดยพัฒนารูปแบบระบบฟอกอากาศมาจากประเทศเยอรมนี
“สำหรับฟาร์มสุกรที่ดำเนินการพัฒนาระบบกรีนฟาร์มยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะฟาร์มในภาคใต้ เนื่องมาจากในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันภาคใต้ยังคงมีปัญหาฝนตกชุก ซึ่งกระทบต่อการก่อสร้างระบบทำให้เกิดอย่างล่าช้า อย่างไรก็ตามบริษัทจะดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2558 เพื่อให้ฟาร์มสุกรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างแท้จริง” นายสมพร กล่าว./
ขอบคุณภาพ www.hr.cpvina.com