บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เพิ่มสายการผลิตอาหารสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และกลุ่มผู้บริโภคมังสวิรัติ ตอบสนองกระแสโลกการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกและผู้ป่วยเฉพาะทาง เพื่อให้ได้รับความสะดวกและคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ด้วยมาตรฐานอาหารปลอดภัยระดับโลก

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า โจทย์ของบริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำทุกรายที่ต้องเผชิญขณะนี้ คือ การผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงประชากรโลกที่นับวันยิ่งมีความละเอียดอ่อนมากขึ้นจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและการเมือง ซึ่งล้วนมีส่วนสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาในการกำหนดนโยบายการผลิต มุ่งเน้นเรื่องการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ที่สำคัญต้องตอบโจทย์อาหารคุณภาพดี ถูกสุขอนามัย ปลอดภัย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและตรวจสอบย้อนกลับได้ ขณะเดียวกันยังต้องคำนึงถึงรสชาติ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น รวมถึงความหลากหลายและนวัตกรรมของอาหารที่บริษัทผู้ผลิตอาหารต้องใส่ใจ เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่งคงและยั่งยืนในระยะยาว

องค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 7.3 พันล้านคนในปี 2558 เป็น 9 พันล้านคน ในปี 2593 และในจำนวนนี้ 22% จะเป็นผู้สูงอายุซึ่งจะอยู่ในภูมิภาคเอเชียเป็นส่วนใหญ่ เป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่ต้องนำมาพิจารณา รวมถึงเรื่องการอพยพของประชากรเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น อาหารที่จะตอบโจทย์คนเหล่านี้คือ อาหารสุขภาพ อาหารปลอดภัย อาหารสำหรับผู้สูงอายุหรืออาหารสำหรับผู้ป่วย ขณะเดียวกันต้องตอบโจทย์คนเมืองด้วยการผลิตอาหารสำเร็จรูปและอาหารที่สะดวกต่อการรับประทานมากขึ้น

“โจทย์ที่ท้าทายเรามากขณะนี้ คือ ทั้งประเทศไทยและหลายประเทศในโลก กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คาดว่าในปี2563 จะมีประชากรผู้สูงอายุกว่า 14% ของประชากรโลก ซีพีเอฟจะต้องผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ปลอดภัย ไม่ใส่สารปนเปื้อน การใช้นวัตกรรมในการผลิต เพราะเราตระหนักดีว่า มนุษย์แข็งแรงสุขภาพดีด้วยอาหาร” นายอดิเรก กล่าว

นายอดิเรก กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันประชากรผู้สูงอายุในไทยมีจำนวน 6.5 ล้านคน หรือประมาณ 10% ของประชากร ซีพีเอฟ เห็นปัญหาของผู้สูงวัยที่สภาพร่างกายหดตัว สุขภาพอ่อนแอ และเป็นภาระให้ลูกหลานที่ดูแล ต้องการหาอาหารหรือสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะกับอายุ ช่วยรักษาสุขภาพ ทานง่าย ย่อยง่าย ดูดซึมง่าย และต้องหาซื้อง่าย ประกอบกับ ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตที่มีความพร้อมในเรื่อง วัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ กระบวนการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ได้มาตรฐานระดับโลก  ในการผลิตอาหารด้านดูแลสุขภาพให้กับกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ ทั้งอาหารสำเร็จรูปสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย  ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสำดวกและแบ่งเบาภาระสำหรับลูกหลานและญาติได้

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของปัจจัยการผลิตจากภาวะแวดล้อมโลกไม่สมดุล ส่งกระทบต่อการผลิตสินค้าเกษตรทั้งสิ้น รวมทั้งเงื่อนไขกฏเกณฑ์ทางการค้าโลก กำแพงภาษี การกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ เหล่านล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ผู้ผลิตอาหารชั้นนำต้องตื่นตัว ปรับตัว ปรับวัตถุดิบ ปรับเทคโนโลยี เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าอาหารที่จะขายไม่ใช่ผลิตเพื่อคุณภาพอย่างเดียว แต่ต้องตอบสนองความต้องการของตลาดโลกในเรื่องความปลอดภัย ตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดทั้ง supply chain รวมไปถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชุมชนด้วย

นายอดิเรก กล่าวย้ำว่า การผลิตอาหารปลอดภัยครอบคลุมในแง่ของการจัดการให้อาหารและสินค้าเกษตรที่นำมาเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ มีความปลอดภัยจากอันตรายที่มาจากอาหาร (Food Hazard) ทั้งอันตรายทางชีวภาพ ทางเคมี และทางกายภาพ ในฐานะที่ ซีพีเอฟ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารชั้นนำ เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาเกษตรกรและคู่ค้าของเราให้เติบโตไปด้วยกัน โดยบริษัทให้การสนับสนุนทั้งปัจจัยการผลิตและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดความเสี่ยงของเกษตรกร ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้บริโภคต้องรับรู้และตระหนักถึง โดยเฉพาะผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีความรู้ในเรื่องอาหารและสุขภาพมากขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค โดยหันมาเลือกซื้ออาหารที่มีการรับรองความปลอดภัย ดังนั้น สิ่งที่ภาคผู้ผลิตต้องทำคือ การนำกระบวนการผลิตเข้าสู่มาตรฐาน อาทิ GMP และ HACCP รวมถึงต้องได้มาตรฐานโลก เรื่องมาตรฐานสินค้านี้ถือเป็นกลยุทธสำคัญ ที่จะช่วยยกระดับสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

นายสุขวัฒน์  ด่านเสริมสุข  ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ –ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทมีแนวทางการพัฒนาอาหารสำเร็จรูปเพื่อสุขภาพในรูปแบบ smart meal ตอบสนองผู้บริโภค 2 กลุ่ม คือ อาหารสำหรับผู้รักษ์สุขภาพ และอาหารสำหรับผู้สูงอายุ หรือ ผู้ป่วย  ซีพีเอฟจึงดำเนินโครงการ ก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารสำหรับคนชรา และมังสวิรัติ ที่อ.วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาวงเงิน 700 ล้านบาทคาดว่าจะ ซึ่งจะเริ่มการผลิตได้กลางปี 2560"

อาหารสำหรับผู้สูงอายุ และอาหารผู้ป่วย จะแตกต่างจากอาหารมังสวิรัติ จะมีรูปแบบเหมือนซุปข้น เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีต่อสุขภาพ เป็นอาหารที่ทานง่าย กลืนง่าย ย่อยง่าย ดูดซึมง่าย จึงผลิตในรูปแบบซุป ได้แก่ ไก่ ปลา กุ้ง ข้าวไรซ์เบอรี่  โดยเฉพาะกุ้งจะมีโปรตีนที่จะช่วยร่างกายคนชราไม่หดตัว การผลิตอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยนี้จะมีกำลังผลิตอยู่ที่ 70,000 ต่อวัน

อาหารผู้ป่วยและอาหารผู้สูงอายุ มีทั้งหมด 5 เมนู ได้แก่ 1.ซุปไก่ 2.ซุปฟักทอง 3.ซุปข้าวไรซ์เบอรี่ 4.ซุปผักรวม 5.ซุปกุ้งซอสมะเขือเทศ โอกาสการส่งออกอาหารสำหรับผู้สูงอายุและอาหารสำหรับผู้ป่วย น่าจะเป็นประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก และประเทศอื่นๆ คาดว่าธุรกิจนี้จะสร้างรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ในปี 2017

ในส่วนของอาหารสำเร็จรูปมังสวิรัติจะผลิตในรูปอาหารแช่แข็ง (Frozen food) โดยคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ เกลือ ใช้ดอกเกลือ น้ำตาล ใช้ น้ำตาลมะพร้าว น้ำมัน เลือกใช้น้ำมันมะพร้าว การคัดเลือกวัตถุดิบปลอดสาร มีความเชื่อว่า ถ้ากินอาหารดีจะห่างไกลโรค หรือ รับประทานอาหารดี ช่วยให้อาการเจ็บป่วยทุเลาลง และอำนวยความสะดวกผู้บริโภคที่รักสุขภาพไม่ต้องรอเทศกาลเจ หรือต้องหาร้านที่จำหน่ายอาหารเฉพาะกลุ่ม โดยในจะเริ่มเปิดตัว 7 เมนู แรกในเดือน พฤศจิกายน จาก 12 เมนู ตั้งเป้าผลิตช่วงแรก 50,000 แพ็คต่อเดือน

ซีพีเอฟ เป็นผู้ผลผลิตอาหารเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร ตั้งแต่ วัตถุดิบ ฟาร์มปศุสัตว์ และอาหารสำเร็จรูป จึงเป็นหลักประกันว่า กระบวนการผลิตอาหารและอาหารสำเร็จรูปของบริษัทสามารถควบคุณภาพและตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิต นอกจากนี้ หน่วยงานวิจัยและพัฒนายังคงเดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการคิดค้นอาหารและสูตรอาหารให้มีความหลากหลายตอบสนองต่อผู้บริโภคและแนวโน้มความต้องการของตลาด สู่การเป็นครัวโลกอย่างยั่งยืน.