บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาและใช้บรรจุภัณฑ์อาหารพลาสติก 99.9% เป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Reusable) และสามารถกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recycle) และย่อยสลายได้ (Compostable) ตั้งเป้าเป็น 100% ภายในปี 2568 สำหรับกิจการในประเทศไทย ส่วนกิจการในต่างประเทศจะดำเนินการภายในปี 2573 พร้อมเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
นายณฤกษ์ มางเขียว รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์อาหารที่ยั่งยืนในการส่งมอบอาหารที่ปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วิจัยและพัฒนานวัตกรรมของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกใหม่ เพิ่มสัดส่วนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ และสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ตลอดจนส่งเสริมการใช้วัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงร่วมมือกับเครือข่ายในการจัดการบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้แล้วรับคืนกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลสร้างคุณค่าให้กับบรรจุภัณฑ์หลังการใช้งาน ร่วมลดขยะพลาสติกในห่วงโซ่คุณค่าทุกสายธุรกิจ
"นโยบายบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เป็นหนึ่งในเป้าหมายของกลยุทธ์ CPF Sustainability in Action 2030 ที่มุ่งเน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อบรรลุเป้าหมายการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกอาหาร 100% สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ (Reusable) และสามารถกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recycle) และย่อยสลายได้ (Compostable) ภายในปี 2568 สำหรับกิจการในประเทศไทย ส่วนกิจการในต่างประเทศจะดำเนินการภายในปี 2573 นำไปสู่การลดปริมาณขยะจากบรรจุภัณฑ์ สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs)" นายณฤกษ์กล่าว
ซีพีเอฟ ยึดหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อใช้ทรัพยากรในการผลิตบรรจุภัณฑ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้พลาสติก ควบคู่การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่การลดปัญหาขยะจากบรรจุภัณฑ์ด้วยการใช้เทคโนโลยีพลาสติกที่แต่ละชั้นเป็นชนิดเดียวกัน (Mono Material) ช่วยให้นำบรรจุภัณฑ์ไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด (100% Recyclable) ปัจจุบัน เช่น ผลิตภัณฑ์ Meat Zero ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 60 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เท่ากับการปิดหลอดไฟ 7 ล้านหลอดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 1 ล้านต้นเป็นเวลา 10 ปี นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการหมุนเวียนวัสดุกลับมาใช้ใหม่ เช่น ถาดไข่ไก่สดพลาสติก rPET ใช้พลาสติกรีไซเคิลในสัดส่วน 80% ช่วยให้บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ถึง 820 ตันต่อปี หรือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 1,280 ตัน CO2 เทียบเท่าต่อปี
บริษัทฯ ยังได้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ทางเลือกใหม่ที่ใช้วัสดุชนิดใหม่ ลดความหนา ปรับขนาด หรือ เปลี่ยนรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ที่ยังสามารถปกป้องความปลอดภัยอาหารและคงคุณค่าโภชนาการ เช่น การลดปริมาณการใช้กระดาษของกล่องกระดาษสำหรับผลิตภัณฑ์ CP Flamin’ Chicken Tenders จากกล่องกระดาษ 2 ชิ้นเป็นใช้กระดาษชิ้นเดียว และสามารถป้องกันความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์จากการขนส่ง ซึ่งบรรจุภัณฑ์กล่องดังกล่าว ได้รับรางวัลสุดยอดผู้ส่งออกอาหารแห่งเอเชียประจำปี 2021 จากเวที The Asian Export Awards 2021 รวมทั้ง ซีพีเอฟ ยังเป็นบริษัทแรกที่นำพลาสติกใสชีวภาพ Polylactic acid (PLA) ที่ผลิตจากพืช มาใช้กับผลิตภัณฑ์เนื้อหมู และไก่สดแช่เย็น ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งช่วยบริษัทฯ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 198 ตัน CO2 เทียบเท่าต่อปี
นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2554 ซีพีเอฟใช้ Bulk Feed Tank ทดแทนการใช้กระสอบพลาสติกบรรจุอาหารสัตว์ และขยายผลไปยังกิจการต่างประเทศ ช่วยลดการใช้พลาสติกรวมได้กว่า 16,000 ตัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 51,000 ตัน CO2 เทียบเท่า และบริษัทฯ ยังนำถัง Q-Pass Tank มาใช้บรรจุลูกพันธ์กุ้งเพื่อขนส่งไปยังลูกค้าแทนการใช้ถุงพลาสติกตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ช่วยลดการใช้พลาสติกได้กว่า 540 ตัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2,100 ตัน CO2 เทียบเท่า และสำหรับช่องทางร้านอาหารของบริษัท ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด “เชสเตอร์” ใช้จานเมลามีน ช้อน-ส้อม-มีดสเตนเลส ตลอดจนแก้วน้ำ โดยไม่ใช้ พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single–Use Plastic) ภายในร้านกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ ยิ่งไปกว่านี้ CP Food World สาขา UN ESCAP ยังเป็นศูนย์อาหารแบบ Zero waste อีกด้วย
ซีพีเอฟ ยังได้สร้างความตระหนักสู่พนักงานในองค์กรและชุมชนที่มีส่วนร่วมบรรเทาปัญหาขยะทะเล ที่ก่อปัญหากับสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในท้องทะเล ผ่านการดำเนินโครงการ Restore the Ocean ลดปริมาณขยะในทะเล และนำขยะมาจัดการอย่างถูกวิธีตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตามกลยุทธ์ CPF Sustainability in Action 2030 ยั่งยืนได้ด้วยมือเรา โดยล่าสุด เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ซีพีเอฟ ร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่น และชุมชนในพื้นที่ จัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาด 7 จุดทั่วประเทศ ซึ่ง มีปริมาณขยะที่เก็บได้รวมมากกว่า 7 ตัน นอกจากนี้ ซีพีเอฟร่วมมือกับมูลนิธิสโกลาร์ส ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) และบริษัท เก็บสะอาด จำกัด (GEPP) ดำเนินโครงการ “Circular Meal มื้อนี้เปลี่ยนโลก” เปลี่ยนอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) ซึ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563
จนถึงปัจจุบัน ร่วมส่งมอบอาหารมื้อคุณภาพไปแล้ว 65,302 มื้อ ให้กับ 85 ชุมชน พร้อมทั้งเก็บกลับบรรจุภัณฑ์พลาสติกมากว่า 6,000 ชิ้น เพื่อช่วยจัดการปัญหาขยะในชุมชน และนำบรรจุภัณฑ์ที่เก็บกลับมาเป็นพลังงานทางเลือก เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ซีพีเอฟมีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบ ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2030 สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals :SDGs) ที่ต้องการลดจำนวนขยะอาหารทั่วโลกกว่าครึ่งหนึ่งภายในปี 2573./
Tag:
#ForestProtect