ในปัจจุบัน คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น มีความพิถีพิถันในการเลือกรับประทานอาหาร โดยคำนึงถึงเรื่องคุณประโยชน์ ความสะอาด ปลอดภัย ปราศจากสารปนเปื้อน มีสารอาหารครบ 5 หมู่ ซึ่งสารอาหารหมู่ที่สำคัญก็คือ “โปรตีน” ทั้งนี้ “เนื้อไก่” จึงเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่หลายคนนึกถึงในอันดับต้นๆ ที่เลือกมารับประทานกัน เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี มีกรดอะมิโนจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและราคาไม่แพง จึงเหมาะสำหรับการนำมาใช้ปรุงอาหารให้กับทุกวัย ตั้งแต่ทารกจนถึงผู้สูงอายุ
อุตสาหกรรมการผลิตไก่เนื้อของไทยเป็นการเลี้ยงที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการส่งออก ที่ควบคุมการใช้ยาและสารเคมี ตามมาตรฐานของทั้งประเทศไทยและประเทศคู่ค้า ห้ามไม่ให้มีการใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโตในการเลี้ยง “อย่างเด็ดขาด” หากตรวจพบว่ามีตัวยาหรือฮอร์โมนตกค้างในเนื้อไก่ที่ส่งออก ก็จะถูกตีกลับมาและยกเลิกการเป็นคู่ค้า โดยประเทศไทยมีตลาดหลักๆ ที่สำคัญ คือ สหภาพยุโรป (EU) และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองประเทศมีความเคร่งครัดในการตรวจสอบเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยอาหารสูงมาก และมีข้อกำหนดห้ามใช้สารฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตในอาหาร ดังนั้น การเลี้ยงไก่เนื้อของไทยในระดับอุตสาหกรรมจึง “ไม่มี” การใช้ฮอร์โมนเร่งโตในการเลี้ยงแน่นอน คนไทยจึงมั่นใจได้ว่าสามารถรับประทานไก่เนื้อที่มีมาตรฐานการผลิตระดับสากล นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีกฎหมายควบคุมในเรื่องการใช้ฮอร์โมนในการผลิตไก่เนื้อมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2529 แล้ว ดังนั้น จึงไม่มีเหตุที่จะต้องกังวลว่า การให้บุตรหลานทานเนื้อไก่ จะทำให้เด็กได้รับฮอร์โมนตกค้างในไก่หรือทำให้เด็กมีร่างกายที่เจริญเติบโตไวกว่าปกติเลย
ปัจจุบัน มีนักวิชาการหลายท่านได้ออกมายืนยันว่าไก่ไทยปลอดภัย ปราศจากฮอร์โมนเร่งโต แม้แต่ในระดับสากล การฉีดฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโตให้ไก่ก็ไม่เป็นที่ยอมรับเช่นกัน และขณะเดียวกัน การใช้ฮอร์โมนเร่งโต ยังเป็นการสิ้นเปลืองทั้งเงินและแรงงานคน เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิตแล้ว ยังเพิ่มการใช้แรงงานอีกมาก และที่สำคัญ การเลี้ยงไก่เนื้อของไทยมีศักยภาพสูง เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาสายพันธุ์ไก่ให้เป็นสายพันธุ์ที่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และใช้เวลาในการเลี้ยงที่สั้นลง ควบคู่ กับระบบการเลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดที่ทันสมัย มีระบบการป้องกันโรคที่ดี รวมถึง การให้อาหารที่เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละช่วงวัยของการเติบโตของไก่ ช่วยให้ไก่ไทยเติบโตได้ตามลักษณะของสายพันธุ์ ที่สำคัญ ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ผู้ประกอบการการเลี้ยงไก่เนื้อยังเน้นการเลี้ยงที่ยึดตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ที่ยกหลักอิสรภาพ 5 ประการในการปฏิบัติต่อสัตว์ ประกอบด้วย ความเป็นอิสระจากความหิวกระหาย (Freedom from hunger and thirst) อิสระจากความไม่สบายกาย (Freedom from discomfort) อิสระจากความเจ็บปวดและโรค (Freedom from pain injury and disease) อิสระจากความกลัวและความทุกข์ทรมาน (Freedom from fear and distress) และอิสระในการแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ (Freedom to express normal behavior) ไก่สามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้ไก่อยู่อย่างสุขสบาย มีความเครียดลดลง ซึ่งส่งผลให้ไก่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยา และฮอร์โมนเร่งโตแต่อย่างใด
สำหรับภาวะการณ์เป็นสาวเร็วกว่าปกติ มี 2 ปัจจัยหลักๆ คือ 1. ปัจจัยภายในร่างกายจากสารเคมีที่หลั่งจากต่อมใต้สมองและต่อมหมวกไต ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละคน 2. ปัจจัยภายนอกที่มาจากการบริโภคอาหาร ซึ่งในปัจจุบัน จากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่ ที่นิยมรับประทานแป้งและไขมันมากขึ้น โดยเฉพาะการรับประทานอาหาร fast food ที่ส่วนใหญ่มีปริมาณไขมันค่อนข้างสูง รวมถึงกรรมวิธีในการผลิตที่เน้นการทอดมากกว่าการนึ่งหรือต้ม เมื่อรับประทานในปริมาณมากเกินไป จึงทำให้มีปัญหาเรื่องความอ้วน ซึ่งในปัจจุบันมีหลายข้อมูลจากงานวิจัยในต่างแระเทศที่สรุปตรงกันว่าเด็กอ้วนมีแนวโน้มเป็นสาวเร็วกว่าปกติ
ดังนั้น วิธีป้องกันที่ควรปฏิบัติคือ ลดอาหารประเภทแป้งหรืออาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด ของมัน รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และหลากหลาย เพิ่มปริมาณผักและผลไม้ในแต่ละมื้ออาหารมากขึ้น ออกกำลังกายเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง เติบโตอย่างสมวัย
นอกจากนี้ ผู้บริโภคควรใส่ใจเลือกสินค้าเนื้อสัตว์ที่มีความปลอดภัย จากสถานที่จำหน่ายที่สะอาดถูกสุขลักษณะ สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมายรับรอง มีการตรวจสอบในกระบวนการผลิตตามมาตรฐานการผลิตที่ดี เพียงเท่านี้ ผู้บริโภคสามารถบริโภคอาหาร ได้อย่างมั่นใจ
ผศ.น.สพ.ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
คณะสัตวแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์