25 ม.ค. 2564
ซีพีเอฟ มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ชูเศรษฐกิจหมุนเวียน ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ตอกย้ำเป้าหมายสร้างความมั่นคงทางอาหาร และขับเคลื่อนองค์กรดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มุ่งมั่นเพิ่มสัดส่วนใช้พลังงานทดแทน ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ลดปริมาณอาหารสูญเสียในกระบวนการผลิต (Food Loss) และขยะอาหาร (Food Waste) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการจัดหาวัตถุดิบจากแหล่งที่ได้การรับรอง สู่กระบวนการผลิตที่ยั่งยืน
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงทางอาหารให้คนไทยและประชากรโลก โดยนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาพัฒนาใช้ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายของเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นองค์กรปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net – Zero Carbon) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ.2050)
ในปี 2564 บริษัทฯ มีแผนประกาศกลยุทธ์และเป้าหมายด้านความยั่งยืน ภายในปี พ.ศ.2573 (ค.ศ.2030) โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การจัดซื้อวัตถุดิบในห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มุ่งเน้นกระบวนการผลิตอาหารยั่งยืน การลดปริมาณอาหารสูญเสียในกระบวนการผลิต และขยะอาหาร และการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในส่วนของนโยบายด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ยังคงดำเนินการตามนโยบายต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2563 โดยธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ฟาร์มปศุสัตว์ (Farm) และ ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป (Food) ปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนคิดเป็น 26 % ของการใช้พลังงานทั้งหมดของซีพีเอฟ ซึ่งมาจากโครงการโซล่าร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ติดตั้งบนหลังคาโรงงานและอาคารสำนักงาน 24 แห่ง และ โครงการโซล่าร์ ฟาร์ม (Solar Farm) แบบติดตั้งบนพื้นดินในฟาร์มสุกร 16 แห่ง ซึ่งจะขยายสู่ทุกฟาร์มสุกรของซีพีเอฟทั่วประเทศ
นโยบายลดการใช้พลาสติกยังเป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการตามนโยบายและแนวปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้สำหรับกิจการในประเทศไทย จะต้องนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือนำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ได้ (Upcyclable) หรือย่อยสลายได้ (Compostable) 100 % ภายในปี พ.ศ. 2568 และสำหรับกิจการในต่างประเทศ ภายในปี พ.ศ. 2573 ขณะที่ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์พลาสติกของบริษัทฯสามารถนำมาใช้ซ้ำและนำมาใช้ใหม่ได้ 99.99 %
ด้านกระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน บริษัท ฯ ได้ประกาศนโยบายการจัดการอาหารสูญเสียและขยะอาหาร (Food Loss and Food Waste Policy) ในปีที่ผ่านมาให้ความสำคัญในการลดปริมาณการสูญเสียอาหารในกระบวนการผลิต และของเสียจากการเหลือทิ้ง โดยทำโครงการนำร่องในธุรกิจไก่เนื้อและไก่ไข่ เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินงานให้กับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ
นายวุฒิชัย ยังได้กล่าวถึง ภาพรวมการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ในปี พ.ศ. 2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 4 ด้านหลัก ได้แก่ ลดปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่วยการผลิต 15 % เมื่อเทียบปีฐาน 2558 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิต 15 % เทียบปีฐาน 2558 ลดปริมาณการดึงน้ำมาใช้ต่อหน่วยการผลิต 25% เทียบปีฐาน 2558 มาจากการลดการนำน้ำมาใช้ของสายธุรกิจสัตว์น้ำ โดยใช้ระบบหมุนเวียนน้ำในฟาร์มกุ้ง และการลดปริมาณของเสียที่กำจัดโดยการฝังกลบต่อหน่วยการผลิต 30 % เทียบปีฐาน 2558
นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดิบทางการเกษตร ไม่ได้มาจากแหล่งที่มีการบุกรุกป่า โดย 100 % ของคู่ค้าธุรกิจหลักในกลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครื่องปรุง และบรรจุภัณฑ์ได้รับการตรวจประเมินด้านความยั่งยืน พร้อมกันนี้ ซีพีเอฟส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานตามหลักสากลในด้านสิทธิมนุษยชน ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางได้รับการส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า 50,000 ราย เป็นต้น
“ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ซีพีเอฟ ยังคงให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการใช้มาตรการป้องกันความปลอดภัยสูงสุดกับพนักงาน แรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติ คู่ค้าและในกระบวนการผลิต
เพื่อให้การผลิตอาหารดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและประชากรโลกได้เข้าถึงอาหารที่มีสุขโภชนาการและสุขภาวะที่ดีอย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์ โดยสนับสนุนอาหารให้กับแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด ผู้กักตัว ฯลฯ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหยุดการแพร่กระจายของโรค” นายวุฒิชัย กล่าว
ซีพีเอฟ กำหนดเป้าหมายดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน 3 เสาหลัก คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดิน น้ำ ป่า คงอยู่ โดยมีการทบทวน ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานต่อสาธารณชน ผ่านการจัดทำรายงานความยั่งยืนประจำปี ซึ่งในปี 2563 จัดทำรายงานเป็นปีที่ 7 และในปีนี้ ซีพีเอฟยังคงเดินหน้าสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงทางอาหารให้คนไทยและประชากรโลก โดยนำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนมาพัฒนาใช้ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมมุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายของเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นองค์กรปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net – Zero Carbon) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ.2050)
ในปี 2564 บริษัทฯ มีแผนประกาศกลยุทธ์และเป้าหมายด้านความยั่งยืน ภายในปี พ.ศ.2573 (ค.ศ.2030) โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การจัดซื้อวัตถุดิบในห่วงโซ่การผลิต (Supply Chain) ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มุ่งเน้นกระบวนการผลิตอาหารยั่งยืน การลดปริมาณอาหารสูญเสียในกระบวนการผลิต และขยะอาหาร และการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในส่วนของนโยบายด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ยังคงดำเนินการตามนโยบายต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2563 โดยธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ฟาร์มปศุสัตว์ (Farm) และ ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป (Food) ปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนคิดเป็น 26 % ของการใช้พลังงานทั้งหมดของซีพีเอฟ ซึ่งมาจากโครงการโซล่าร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ติดตั้งบนหลังคาโรงงานและอาคารสำนักงาน 24 แห่ง และ โครงการโซล่าร์ ฟาร์ม (Solar Farm) แบบติดตั้งบนพื้นดินในฟาร์มสุกร 16 แห่ง ซึ่งจะขยายสู่ทุกฟาร์มสุกรของซีพีเอฟทั่วประเทศ
นโยบายลดการใช้พลาสติกยังเป็นเรื่องหลักที่ต้องดำเนินการตามนโยบายและแนวปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้สำหรับกิจการในประเทศไทย จะต้องนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือนำไปผลิตเป็นสินค้าใหม่ได้ (Upcyclable) หรือย่อยสลายได้ (Compostable) 100 % ภายในปี พ.ศ. 2568 และสำหรับกิจการในต่างประเทศ ภายในปี พ.ศ. 2573 ขณะที่ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์พลาสติกของบริษัทฯสามารถนำมาใช้ซ้ำและนำมาใช้ใหม่ได้ 99.99 %
ด้านกระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน บริษัท ฯ ได้ประกาศนโยบายการจัดการอาหารสูญเสียและขยะอาหาร (Food Loss and Food Waste Policy) ในปีที่ผ่านมาให้ความสำคัญในการลดปริมาณการสูญเสียอาหารในกระบวนการผลิต และของเสียจากการเหลือทิ้ง โดยทำโครงการนำร่องในธุรกิจไก่เนื้อและไก่ไข่ เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินงานให้กับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ
นายวุฒิชัย ยังได้กล่าวถึง ภาพรวมการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ในปี พ.ศ. 2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 4 ด้านหลัก ได้แก่ ลดปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่วยการผลิต 15 % เมื่อเทียบปีฐาน 2558 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิต 15 % เทียบปีฐาน 2558 ลดปริมาณการดึงน้ำมาใช้ต่อหน่วยการผลิต 25% เทียบปีฐาน 2558 มาจากการลดการนำน้ำมาใช้ของสายธุรกิจสัตว์น้ำ โดยใช้ระบบหมุนเวียนน้ำในฟาร์มกุ้ง และการลดปริมาณของเสียที่กำจัดโดยการฝังกลบต่อหน่วยการผลิต 30 % เทียบปีฐาน 2558
นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบย้อนกลับตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดิบทางการเกษตร ไม่ได้มาจากแหล่งที่มีการบุกรุกป่า โดย 100 % ของคู่ค้าธุรกิจหลักในกลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ เครื่องปรุง และบรรจุภัณฑ์ได้รับการตรวจประเมินด้านความยั่งยืน พร้อมกันนี้ ซีพีเอฟส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานตามหลักสากลในด้านสิทธิมนุษยชน ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางได้รับการส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า 50,000 ราย เป็นต้น
“ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ซีพีเอฟ ยังคงให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการใช้มาตรการป้องกันความปลอดภัยสูงสุดกับพนักงาน แรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างชาติ คู่ค้าและในกระบวนการผลิต
เพื่อให้การผลิตอาหารดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและประชากรโลกได้เข้าถึงอาหารที่มีสุขโภชนาการและสุขภาวะที่ดีอย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์ โดยสนับสนุนอาหารให้กับแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลของรัฐที่มีผู้ป่วยโควิด ผู้กักตัว ฯลฯ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการหยุดการแพร่กระจายของโรค” นายวุฒิชัย กล่าว
ซีพีเอฟ กำหนดเป้าหมายดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน 3 เสาหลัก คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดิน น้ำ ป่า คงอยู่ โดยมีการทบทวน ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานต่อสาธารณชน ผ่านการจัดทำรายงานความยั่งยืนประจำปี ซึ่งในปี 2563 จัดทำรายงานเป็นปีที่ 7 และในปีนี้ ซีพีเอฟยังคงเดินหน้าสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
กิจกรรมอื่น ๆ