31 มี.ค. 2565
CPF เผยแพร่รายงานความยั่งยืน ประจำปี 2564 ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ด้วยการลงมือทำ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดตัวรายงานยั่งยืน ประจำปี 2564 ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สู่ทศวรรษใหม่แห่งความยั่งยืน ด้วยการลงมือทำ ขับเคลื่อนเป้าหมายกลยุทธ์ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร สร้างผลกระทบเชิงบวกทางสังคมตลอดห่วงโซ่คุณค่า ก้าวสู่เป้าหมายองค์กรลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Emissions)
รายงานความยั่งยืน ประจำปี 2564 ของซีพีเอฟ จัดทำขึ้นตามมาตรฐานของ Global Reporting Initiative (GRI) สะท้อนความก้าวหน้าของบริษัทในการดำเนินการด้านความยั่งยืน การขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และโรคระบาดในสุกร ASF (African Swine Fever) ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก การบริหารจัดการอย่างรอบคอบและรอบด้านด้วยความรวดเร็ว ช่วยสนับสนุนการสร้างความมั่นคงทางอาหารโดยไม่หยุดชะงัก ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้บริษัทฯ ก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ ตลอดจนผลการดำเนินงานภายใต้เป้าหมายกลยุทธ์ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action ภายใต้ 3 เสาหลัก 9 ความมุ่งมั่นเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) ทั้ง 17 ประการ นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมดิจิทัล การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจในทุกกระบวนการ Feed Farm Food ซึ่งบริษัทฯ ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงาน ภายใต้เป้าหมายความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action ตามแนวทาง 3 เสาหลัก อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และ ดินน้ำป่าคงอยู่ มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สร้างความมั่นคงทางอาหารของโลก ดูแลคุณภาพชีวิตและส่งเสริมเกษตรกร คู่ค้าธุรกิจ และสังคมให้เติบโตไปด้วยกัน รวมทั้งดูแลความปลอดภัยของพนักงาน “ซีพีเอฟ สนับสนุนความร่วมมือกับภาคสังคมเพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างความตระหนักรู้ และร่วมส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน ด้วยการลงมือทำในระดับบุคคล ครอบครัว ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ฟื้นฟูธรรมชาติและสมดุลสิ่งแวดล้อม เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในวันนี้และอนาคต ” นายวุฒิชัย กล่าว การดำเนินงานเพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการวิจัย พัฒนา สร้างสรรค์ นวัตกรรมอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ (Nutrition) เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคทั่วโลก มีการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ ทั้งการนำระบบดิจิทัล (Digitization) เพื่อเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงของธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมายเป็นองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Emissions) นายวุฒิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน 3 เสาหลัก ด้านอาหารมั่นคง บริษัทฯ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพผู้บริโภค โดย 40% ของผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการที่มากขึ้น การเพิ่มกำลังการผลิตไข่ไก่จากฟาร์มไก่ไข่แบบไม่ใช้กรง (Cage Free) รวม 30 ล้านฟอง การเลี้ยงดูสุกรแม่พันธุ์อุ้มท้องในระบบคอกขังรวม ที่มีเป้าหมายดำเนินการให้ได้ 100 % ในปี 2568 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเลี้ยงไก่เนื้อซึ่งดำเนินการไปแล้ว 64.87 % เป็นต้น ด้านสังคมพึ่งตน ในภาวะวิกฤตโควิด-19 บริษัทฯ ให้ความสำคัญสุงสุดกับการดูแลพนักงานทุกคน ทั้งมาตรการป้องกันและการรักษาพยาบาล รวมถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง เพื่อดูแลพนักงานของบริษัท และประชาชน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกทางสังคมตลอดห่วงโซ่คุณค่า อาทิ การเคารพสิทธิมนุษยชนและดูแลพนักงานที่สอดคล้องกับหลักการด้านสิทธิมนุษยชน การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพพนักงานทั่วโลก การส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันทางการค้าที่ยั่งยืนแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานกว่า 460 รายทั่วโลก และหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพคู่ค้าด้านการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้บริษัทได้รับรางวัล CAC Change Agent Award 2021 นอกจากนี้ ซีพีเอฟดำเนินโครงการด้านสังคมอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรขุน แบบประกันรายได้ หรือ คอนแทรคฟาร์ม จากผลประเมินการลงทุนทางสังคมของโครงการดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ 4,574 ล้านบาท และเป็นโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) 9 ข้อ จากทั้งหมด 17 ข้อ ด้านดินน้ำป่าคงอยู่ บริษัทฯ หมุนเวียนใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าตลอดห่วงโซ่คุณค่า และมีเป้าหมายเป็นองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Emissions) โดยปัจจุบันใช้พลังงานหมุนเวียนสูงถึง 27% ของการใช้พลังงานทั้งหมด นำน้ำกลับมาใช้ซ้ำหรือใช้ใหม่ 44 % ของปริมาณการใช้น้ำทั้งหมด พร้อมกันนี้ บริษัท ฯ ตั้งเป้าหมายนำของเสียไปสู่หลุมฝังกลบหรือเผาเหลือศูนย์ ในปี 2573 (ค.ศ.2030) บริษัทฯ ยังได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าในพื้นที่ยุทธศาสตร์และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 111,392 ตัน สำหรับกิจการในประเทศไทย ทั้งนี้ ในปี 2564 ซีพีเอฟ ได้รับรางวัลด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน อาทิ รางวัลรายงานความยั่งยืนระดับโลก The International ARC Awards 2021 เป็นบริษัทไทยเพียงรายเดียวและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รางวัลจากความโดดเด่นด้านความเป็นเลิศในการสื่อสาร นำเสนอข้อมูลชัดเจน ครบถ้วน มีความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน รางวัลรายงานความยั่งยืนระดับภูมิภาคเอเชีย จาก Asia Sustainability Reporting Awards (ASRA) เป็นรางวัลระดับ Gold Class ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ประเภท Asia's Best Workplace Reporting แบบอย่างองค์กรด้านดูแลและสร้างความผูกพันกับพนักงาน เคารพสิทธิมนุษยชน และดูแลความปลอดภัยพนักงานตามมาตรฐาน รางวัลเกียรติคุณจากการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนปี 2564 Sustainability Disclosure Award 2021 จากสถาบันไทยพัฒน์ เป็นต้น ./ สำหรับรายงานความยั่งยืน ประจำปี 2564 ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สามารถดาวน์โหลดได้ที่https://www.cpfworldwide.com/th/sustainability/report/ https://www.cpfworldwide.com/en/sustainability/report/
รายงานความยั่งยืน ประจำปี 2564 ของซีพีเอฟ จัดทำขึ้นตามมาตรฐานของ Global Reporting Initiative (GRI) สะท้อนความก้าวหน้าของบริษัทในการดำเนินการด้านความยั่งยืน การขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจและการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และโรคระบาดในสุกร ASF (African Swine Fever) ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก การบริหารจัดการอย่างรอบคอบและรอบด้านด้วยความรวดเร็ว ช่วยสนับสนุนการสร้างความมั่นคงทางอาหารโดยไม่หยุดชะงัก ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้บริษัทฯ ก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ ตลอดจนผลการดำเนินงานภายใต้เป้าหมายกลยุทธ์ความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action ภายใต้ 3 เสาหลัก 9 ความมุ่งมั่นเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) ทั้ง 17 ประการ นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมดิจิทัล การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจในทุกกระบวนการ Feed Farm Food ซึ่งบริษัทฯ ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงาน ภายใต้เป้าหมายความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action ตามแนวทาง 3 เสาหลัก อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และ ดินน้ำป่าคงอยู่ มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สร้างความมั่นคงทางอาหารของโลก ดูแลคุณภาพชีวิตและส่งเสริมเกษตรกร คู่ค้าธุรกิจ และสังคมให้เติบโตไปด้วยกัน รวมทั้งดูแลความปลอดภัยของพนักงาน “ซีพีเอฟ สนับสนุนความร่วมมือกับภาคสังคมเพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างความตระหนักรู้ และร่วมส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน ด้วยการลงมือทำในระดับบุคคล ครอบครัว ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ฟื้นฟูธรรมชาติและสมดุลสิ่งแวดล้อม เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในวันนี้และอนาคต ” นายวุฒิชัย กล่าว การดำเนินงานเพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการวิจัย พัฒนา สร้างสรรค์ นวัตกรรมอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ (Nutrition) เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคทั่วโลก มีการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ ทั้งการนำระบบดิจิทัล (Digitization) เพื่อเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงของธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมายเป็นองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Emissions) นายวุฒิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน 3 เสาหลัก ด้านอาหารมั่นคง บริษัทฯ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพผู้บริโภค โดย 40% ของผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการที่มากขึ้น การเพิ่มกำลังการผลิตไข่ไก่จากฟาร์มไก่ไข่แบบไม่ใช้กรง (Cage Free) รวม 30 ล้านฟอง การเลี้ยงดูสุกรแม่พันธุ์อุ้มท้องในระบบคอกขังรวม ที่มีเป้าหมายดำเนินการให้ได้ 100 % ในปี 2568 การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเลี้ยงไก่เนื้อซึ่งดำเนินการไปแล้ว 64.87 % เป็นต้น ด้านสังคมพึ่งตน ในภาวะวิกฤตโควิด-19 บริษัทฯ ให้ความสำคัญสุงสุดกับการดูแลพนักงานทุกคน ทั้งมาตรการป้องกันและการรักษาพยาบาล รวมถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง เพื่อดูแลพนักงานของบริษัท และประชาชน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกทางสังคมตลอดห่วงโซ่คุณค่า อาทิ การเคารพสิทธิมนุษยชนและดูแลพนักงานที่สอดคล้องกับหลักการด้านสิทธิมนุษยชน การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพพนักงานทั่วโลก การส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันทางการค้าที่ยั่งยืนแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานกว่า 460 รายทั่วโลก และหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพคู่ค้าด้านการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้บริษัทได้รับรางวัล CAC Change Agent Award 2021 นอกจากนี้ ซีพีเอฟดำเนินโครงการด้านสังคมอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรขุน แบบประกันรายได้ หรือ คอนแทรคฟาร์ม จากผลประเมินการลงทุนทางสังคมของโครงการดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ 4,574 ล้านบาท และเป็นโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN SDGs) 9 ข้อ จากทั้งหมด 17 ข้อ ด้านดินน้ำป่าคงอยู่ บริษัทฯ หมุนเวียนใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าตลอดห่วงโซ่คุณค่า และมีเป้าหมายเป็นองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero Emissions) โดยปัจจุบันใช้พลังงานหมุนเวียนสูงถึง 27% ของการใช้พลังงานทั้งหมด นำน้ำกลับมาใช้ซ้ำหรือใช้ใหม่ 44 % ของปริมาณการใช้น้ำทั้งหมด พร้อมกันนี้ บริษัท ฯ ตั้งเป้าหมายนำของเสียไปสู่หลุมฝังกลบหรือเผาเหลือศูนย์ ในปี 2573 (ค.ศ.2030) บริษัทฯ ยังได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าในพื้นที่ยุทธศาสตร์และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการอย่างต่อเนื่อง ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 111,392 ตัน สำหรับกิจการในประเทศไทย ทั้งนี้ ในปี 2564 ซีพีเอฟ ได้รับรางวัลด้านการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน อาทิ รางวัลรายงานความยั่งยืนระดับโลก The International ARC Awards 2021 เป็นบริษัทไทยเพียงรายเดียวและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รางวัลจากความโดดเด่นด้านความเป็นเลิศในการสื่อสาร นำเสนอข้อมูลชัดเจน ครบถ้วน มีความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน รางวัลรายงานความยั่งยืนระดับภูมิภาคเอเชีย จาก Asia Sustainability Reporting Awards (ASRA) เป็นรางวัลระดับ Gold Class ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ประเภท Asia's Best Workplace Reporting แบบอย่างองค์กรด้านดูแลและสร้างความผูกพันกับพนักงาน เคารพสิทธิมนุษยชน และดูแลความปลอดภัยพนักงานตามมาตรฐาน รางวัลเกียรติคุณจากการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนปี 2564 Sustainability Disclosure Award 2021 จากสถาบันไทยพัฒน์ เป็นต้น ./ สำหรับรายงานความยั่งยืน ประจำปี 2564 ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สามารถดาวน์โหลดได้ที่https://www.cpfworldwide.com/th/sustainability/report/ https://www.cpfworldwide.com/en/sustainability/report/
กิจกรรมอื่น ๆ