สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก รวมถึงประเทศผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร ไปจนถึงบราซิล ซึ่งโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์และโรงงานผลิตอาหารหลายแห่งต้องปิดหรือหยุดการผลิตชั่วคราว หลังพบพนักงานติดเชื้อ ทำให้เนื้อสัตว์หลายแห่งขาดตลาด และมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่เพียงไม่กี่รายที่ยังสามารถผลิตอาหารได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงใหม่ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากเราการ์ดตกแค่ครั้งเดียว ก็อาจจะลงไปนอนน็อค เหมือนชาติอื่นๆ ได้เหมือนกัน
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2563 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เรื่อง “โควิด-19 กับอาหารแช่แข็ง” บนเฟสบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” ตั้งข้อสังเกตว่า การระบาดของโควิด-19 ในตลาดซินฟาดีในปักกิ่ง พบเชื้อที่เขียงปลาแซลมอนนำเข้าจากเดนมาร์ก และล่าสุด การระบาดในต้าเหลียนก็พบเชื้อที่กุ้งนำเข้าจาก เอกวาดอร์ เป็นข้อเตือนใจการซื้ออาหารแช่แข็ง โดยเฉพาะที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ว่าต้องให้ความสำคัญกับสุขอนามัยอยู่เสมอ
ด้านผู้ผลิตอาหารก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องเหล่านี้ และยังคงตั้งการ์ดป้องกันอย่างเหนียวแน่นมาโดยตลอด ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 ในไทยเริ่มผ่อนคลายและไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ แต่บริษัทฯ ยังคงใช้มาตรการป้องกันสูงสุด เพื่อให้อาหารปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง จนถึงมือผู้บริโภค
ซีพีเอฟ ได้ศึกษาและถอดบทเรียนจากโมเดลความสำเร็จของซีพี ในอู่ฮั่น ประเทศจีน ที่สามารถป้องกันโรคระบาด สร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงาน พร้อมทั้งผลิตอาหารให้ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในจุดศูนย์กลางของการระบาด จนเป็นที่มาของการยกระดับมาตรการควบคุมด้านสุขอนามัย และครบวงจรภายใต้นโยบายมาตรฐานเดียว (Single Standard) ตั้งแต่โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์ โรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูป ไปจนถึงพนักงาน ระบบการขนส่งและการกระจายสินค้า
โรงงานแปรรูปอาหารของ ซีพีเอฟ ได้ติดตั้งประตูสแกนอุณหภูมิร่างกายแบบเดินผ่าน (Walk-through body temperature scanner) ช่วยคัดกรองอุณหภูมิพนักงานทุกคนได้แม่นยำยิ่งขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการปฏิบัติตนตามหลักสุขอนามัย ทั้งการใส่หน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือเป็นประจำ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อในพื้นที่และจุดที่สัมผัสบ่อย รวมถึงเพิ่มการขนส่งแบบไร้การสัมผัสมือด้วยระบบสายพาน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และระยะห่างทางบุคคล (Physical Distancing) เป็นแนวทางปฏิบัติที่เคร่งครัด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในโรงงานให้มากที่สุด ตั้งแต่การเดินทางของพนักงาน บริษัทฯ ได้เพิ่มจำนวนรถรับส่งพนักงาน เพื่อให้ได้นั่งบนรถแบบเว้นระยะห่างอย่างน้อยประมาณ 1 เมตร รวมทั้งงดกิจกรรมการตรวจเยี่ยมจากบุคคลภายนอก และตรวจคัดกรองลูกค้าและผู้รับเหมาอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพนักงานทุกคน
ในขณะเดียวกันฟาร์มของบริษัทฯ และเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพแก่เกษตรกรรายย่อย (คอนแทรคฟาร์ม) ได้ปรับตัวเข้าสู่ยุค New Normal น.สพ.ดำเนิน จตุรวิธวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านบริการวิชาการสุกร ซีพีเอฟ ย้ำว่า บริษัทฯ มีมาตรการเฝ้าระวังโรคในสัตว์และมาตรการสุขอนามัยของบุคลากรที่เคร่งครัดทั้งในฟาร์มสัตว์บก และสัตว์น้ำมาอย่างต่อเนื่อง และในช่วงที่มีโรคระบาดบริษัทฯ ได้ประกาศมาตรการเสริมและแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อป้องกันทั้งโรค ASF ในสุกร และโควิด-19 ในคน ได้แก่ 1.การคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานทุกคน ทุกวันก่อนเข้าปฏิบัติงาน 2.การเว้นระยะทางสังคม (Social Distancing) เช่น การเว้นระยะห่าง 2 เมตร งดการเยี่ยมชมฟาร์ม ลดความหนาแน่นโดยการเหลื่อมเวลาทำงาน งดเดินทางเข้าพื้นที่เสี่ยง และการทำงานที่บ้าน (Work From Home) 3.สุขอนามัยส่วนบุคคล การสวมหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกัน หมั่นล้างมือ 4.การขนส่งปลอดภัย มีการตรวจอุณหภูมิร่างกายก่อนปฏิบัติงาน สวมหน้ากากอนามัย และจัดส่งแบบไม่สัมผัส เป็นต้น
นอกจากนี้ ฟาร์มสุกรทั้งหมดของ ซีพีเอฟ ในปัจจุบัน เป็นการเลี้ยงด้วยระบบไบโอซีเคียวริตี้ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลถึงประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ฟาร์ม เช่น เลี้ยงในระบบโรงเรือนปิด ที่ควบคุมอุณหภูมิ ด้วยอาหารสัตว์ที่สามารถตรวจสอบแหล่งวัตถุดิบโดยรับจากแหล่งที่ปลอดภัย ปลอดเชื้อเท่านั้น มีการควบคุมรถขนส่งเข้า-ออก ฟาร์ม (มีระบบฆ่าเชื้อ) กำหนดจุดส่งมอบสินค้าแยกจากฟาร์ม เพื่อส่งมอบอาหารที่ได้คุณภาพ และปลอดภัย 100 % แก่ผู้บริโภค
ในร้านซีพี เฟรชมาร์ท บริษัทฯ ได้วางกฎข้อบังคับให้พนักงาน CP Freshmart Delivery จัดส่งอาหาร โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อาทิ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานทุกวัน การเว้นระยะห่างในการส่งสินค้าแก่ผู้รับบริการและส่งเสริมการชำระค่าบริการทางดิจิตอล
ทั้งนี้ ซีพีเอฟ ยังได้จัดตั้ง “ศูนย์ฮอตไลน์ โควิด-19” (CPF Covid-19 hotline) เป็นช่องทางพิเศษเพื่อให้พนักงานได้สื่อสารกับบริษัทโดยตรง สอบถามข้อมูลและแจ้งอาการป่วยได้ตลอด 24 ชั่วโมง และมีล่ามแปลภาษาให้พนักงานต่างชาติ เพื่อทำความเข้าใจพนักงานทุกคน ทุกระดับ สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยในการทำงาน
จากความสำเร็จในอู่ฮั่น สู่ประเทศไทย ซีพีเอฟ ได้ส่งต่อองค์ความรู้เหล่านี้ ไปยังกิจการในประเทศต่างๆ จนทำให้ธุรกิจของซีพีเอฟทั่วโลก สามารถส่งมอบอาหารปลอดภัย สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศของตน ตามวิสัยทัศน์การเป็น “ครัวของโลก”.