บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จัดโครงการสร้างสุขโดยการปลดหนี้และส่งเสริมการออม มุ่งแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต และหนี้นอกระบบให้กับพนักงาน ด้วยการจัดหา แหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำ นำร่องในฟาร์มสุกร 12 แห่งทั่วประเทศ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีการบริหารจัดการด้านการเงิน และวินัยทางการเงินที่ดี เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจ และความสุขอย่างยั่งยืน
นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟให้ความสำคัญต่อ “พนักงาน” เพราะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมาย และนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน บริษัทจึงริเริ่มโครงการและสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานให้ดีขึ้น ซึ่ง “โครงการสร้างสุขโดยการปลดหนี้และส่งเสริมการออม” นับเป็นโครงการที่ช่วยปลดหนี้ให้พนักงาน โดย ร่วมกับธนาคาร ช่วยเหลือภาระดอกเบี้ยจากเดิม 3-20% ต่อเดือน ให้เหลือประมาณ 0.5% ต่อเดือน ไปพร้อม ๆ กับการส่งเสริมการออม และเสริมสร้างและเรียนรู้ด้านการเงินด้วยการทำบัญชีครัวเรือน เพื่อสร้างวินัยการเงินที่ดีให้กับพนักงาน
“โครงการนี้นับเป็นหนึ่งในการทำ CSR ให้กับพนักงาน จากมุมมอง 3 ด้าน คือ สุขภาพกาย สุขภาพใจ และ และสุขภาพเงิน โดยเรื่องสุขภาพกาย และสุขภาพใจเราทำอยู่แล้ว แต่สุขภาพเงินนั้น จาการสำรวจพบว่าพนักงานมีปัญหาจึงให้ทำแบบสำรวจโดยให้เขียนภาระการเงินของตน ซึ่ง 75% มีภาระหนี้สินทั้งในและนอกระบบ และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำได้ บริษัทจึงริเริ่มโครงการนี้และดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน มีฟาร์มนำร่องเข้าร่วมโครงการ 12 ฟาร์ม ทั่วประเทศ โดยมีพนักงานสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 104 คน ด้วยงบประมาณกว่า 13 ล้านบาท” นายสมพร กล่าว
โครงการสร้างสุขโดยการปลดหนี้และส่งเสริมการออม ได้ดำเนินโครงการใน 12 ฟาร์มทั่วประเทศ ได้แก่ ฟาร์มชัยภูมิ จังหวัด ชัยภูมิ, ฟาร์มคอนสวรรค์ จังหวัด ชัยภูมิ, ฟาร์มพนมสารคาม จังหวัด ฉะเชิงเทรา, ฟาร์มเกษตรสันติราษฎร์ จังหวัด ชลบุรี, ฟาร์มพระพุทธบาท จังหวัด สระบุรี, ฟาร์มจอมทอง จังหวัด เชียงใหม่, ฟาร์มคำพราน จังหวัด สระบุรี, ฟาร์มคำพราน 2 จังหวัด สระบุรี, ฟาร์มแสลงพัน จังหวัด สระบุรี, โครงการส่งเสริมสระบุรี จังหวัด สระบุรี, ฟาร์ม 5 ไร่ จังหวัด สระบุรี และฟาร์มไร่สาม จังหวัด ชลบุรี
ซีพีเอฟ ได้วางแนวทางในการดำเนินโครงการไว้ 8 ขั้นตอน ได้แก่ 1. การให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพด้านการเงิน 2. การสำรวจภาระการเงินส่วนบุคคล 3. การหาแหล่งเงินกู้ที่ดอกเบี้ยต่ำ 4. การคัดเลือกผู้กู้ 5. การคืนหนี้ให้เจ้าหนี้และสถาบันการเงิน 6. การชำระเงินกู้คืนแก่ธนาคาร 7. การรณรงค์การออมเงิน ทั้งผู้ที่มีภาระหนี้สิน และชักชวนผู้ที่ไม่มีภาระหนี้สินมาร่วมออมด้วย ผ่านการเปิดสมุดบัญชีฝากประจำ, ซื้อฉลากออมสิน หรือ ฉลาก ธกส ฯลฯ และ 8. การติดตามผล เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับพนักงาน ส่งผลให้พนักงานกลับมามีความสุข ตั้งใจทำงาน ทำให้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างพื้นฐานอนาคตที่ดีให้กับพนักงาน ซึ่งพนักงานเหล่านี้จะช่วยกันขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
หนึ่งในพนักงานที่เข้าร่วมโครงการ นางบุญมา สุขไซแอม อายุ 53 ปี แม่ครัว ฟาร์มพระพุทธบาท จังหวัด สระบุรี เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ว่า เกิดจากการมีเงินไม่พอใช้จ่ายภายในครอบครัวเรือน และต้องส่งลูกเรียนถึง 2 คน เมื่อเงินไม่พอ จึงใช้วิธียืมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เป็นหนี้สะสม นอกจากนี้ยังนำเงินไปซื้อรถจักรยานยนต์ และ จัดงานแต่งงานให้ลูก ก่อเกิดเป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบ เพียงเพื่ออยากให้ มีเงินมาหมุนใช้หนี้ในแต่ละเดือน ๆ ทำให้ชีวิตลำบากมาก เงินเดือนไม่พอที่จ่ายหนี้ หลังเลิกงานต้องไปกรอกมูลสุกร เพื่อเป็นรายได้เสริม โดยเฉพาะช่วงต้นเดือน จะถูกทวงหนี้ ทำให้กังวลตลอดเวลา ซึ่งหลังจากเข้าร่วมโครงการฯ ของบริษัท เข้ามาช่วยปลดหนี้ ทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น สบายใจ ไม่ต้องคอยหลบการทวงหนี้ ทำให้มีเงินใช้จ่ายในครอบครัวเพียงพอ และเหลือบางส่วนเก็บสะสม
ด้าน นางกรรญา จันทะกูล อายุ 45 ปี คนงานเลี้ยงสุกร ฟาร์มพระพุทธบาท จังหวัด สระบุรี กล่าวว่า ตนเองต้องส่งลูกเรียน 2 คน ศึกษาระดับมัธยมศึกษาและปริญญา ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ เนื่องจากลูกคนโตเรียนระดับปริญญาจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ประกอบกับพ่อที่ล้มป่วยลง จึงต้องนำเงินไปรักษาพ่อ ทำให้ไม่พอใช้จ่าย ต้องหันไปกู้บัตรเครดิต (บัตรกดเงินสด) และยืมหนี้นอกระบบ มาหมุนให้เพียงพอกับรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งระหว่างที่ทำงาน ก็ได้ปลูกผักภายในฟาร์มส่งขาย กรอกมูลสุกร เพื่อนำเงินจากรายได้เสริมมาแบ่งเบาภาระ แต่ยังไม่เพียงพอกับจำนวนที่ต้องจ่ายหนี้บัตรเครดิตต่าง ๆ ทำให้ในแต่ล่ะเดือนได้จ่ายเพียงดอกเบี้ยเท่านั้น พอมีโครงการปลดหนี้ของบริษัทเข้ามา ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น มีความสุข ไม่เป็นกังวล มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น และบางส่วนเก็บไว้สำหรับลูกอีกคนในการเรียนในระดับที่สูงขึ้นไป
พนักงานที่เข้าร่วมโครงการทุกคนต่างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะนอกจากพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทในการแก้ไขปัญหาแล้ว บริษัทยังสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้พนักงานกลับไปประสบปัญหาด้านการเงินอีกครั้ง ให้ด้วยการจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพด้านการเงิน ได้เรียนรู้การทำบัญชีครัวเรือน ทำให้ทราบรายรับ-รายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง อันนำไปสู่ความสามารถในการวางแผนทางการเงินและการวางแผนการออมในอนาคตได้เป็นอย่างดี” นายสมพร กล่าวทิ้งท้าย./