วันก่อนได้รับคลิปวีดีโอที่น่าสนใจจากเพื่อนและเห็นว่าเป็นข้อมูลดีๆ ที่ “ควรดูและควรแชร์” คลิปนี้เป็นรายการของช่องมหิดลแชแนล (Mahidol Channel) ที่บอกเล่า “ความจริง” เกี่ยวกับเรื่องที่คนไทย (โบราณ) ยังฝังหัวและโยนบาปว่าการกินไก่นั้นจะทำให้เด็กโตเร็ว โดยอ้างว่าเป็นเพราะมีการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตในการเลี้ยง อ.สพ.ญ.พัชราภรณ์ ขำพิมพ์ ภาควิชาภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงต้องคลายข้อส่งสัยในเรื่องนี้
ย้ำชัดเด็กโตเร็วไม่เกี่ยวกับไก่!!
มีหลายคนที่พูดว่ากินไก่เยอะๆแล้วเด็กจะโตเร็ว ไม่เกี่ยวกับฮอร์โมนในไก่แน่นอน เป็นเรื่องของพฤติกรรมการบริโภคของเด็ก ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่ามีการบริโภคอาหารที่มีลักษณะเป็นฟาสต์ฟู้ด เหล่านี้เป็นปัจจัยทั้งหมดที่ส่งเสริมให้เด็กโตเร็ว และอาจจะมีพัฒนาการเจริญเติบโตที่แตกต่างจากรุ่นพ่อแม่
เนื้อไก่ที่คนบริโภคทุกวันนี้ มาจากไหน ?
เนื้อไก่ตามท้องตลาดทั้งที่เป็นตัว หรือเป็นชิ้นส่วนนั้น 90% เป็นไก่ที่เลี้ยงในระบบอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสายพันธุ์ทางการค้า ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์ จึงโตเร็ว สามารถเลี้ยงได้ครั้งละมากๆ สามารถป้อนเข้าสู่โรงเชือดได้ทุกวัน ทำให้เรามีไก่บริโภคทุกวัน แต่อีกส่วนที่เหลือ 10% คือไก่บ้าน ปริมาณการผลิตที่สามารถป้อนความต้องการของผู้บริโภคทุกวันเช่นนี้ อาจทำให้มีคำถามว่า จะมีการแอบฉีดฮอร์โมนเร่งให้ไก่โตหรือไม่? อ.สพ.ญ.พัชราภรณ์ ยืนยันว่าในระบบการเลี้ยงแบบอุตสาหกรรมนั้นไม่มีการใช้ฮอร์โมนในการเลี้ยงแน่นอน เพราะผิดกฎหมายมีการยกเลิกการใช้มานานหลาย 10 ปีแล้ว เรื่องนี้อาจเป็นเพราะคนยังติดภาพเก่าๆกันอยู่ อย่างในอดีตประมาณ 30-40 ปีที่แล้ว มีข่าวออกมามากว่ามีฮอร์โมน มีสารเร่งโต มีสารตกค้าง โดยเฉพาะในคอไก่ คนพูดกันว่าคอคือตำแหน่งที่ไก่ถูกฉีดยา ฉีดฮอร์โมน ทำให้คนไม่กล้ากินไก่
“พูดได้เต็มปากว่าในปัจจุบัน 100% ในไก่เนื้อไม่มีฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตแน่นอน เพราะตามหลักการแล้วถ้าจะให้ใช้ฮอร์โมนแล้วได้ผลนั้น ต้องให้ติดต่อกันทุกวัน แล้วในไก่เนื้อที่เลี้ยงในอุตสาหกรรมจำนวนมากๆนั้น การให้ฮอร์โมนทุกวันเท่ากับว่าต้องจับไก่มาฉีดทุกวัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะจับไก่เป็นแสนเป็นล้านตัวมาฉีดที่ละตัวทุกวัน”
ที่สำคัญการใช้ฮอร์โมนเร่งโตมีผลเสียหลายประการ คือ 1.อันตรายต่อผู้บริโภค 2. เพิ่มต้นทุนการผลิต 3.ผิดกฎหมาย เมื่อถามว่าวันนี้มีใครอยากจะเสี่ยงไหม…มีคำตอบเดียวคือไม่มีใครแน่นอน
ถ้าไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งโตแล้วทำไมไก่ถึงโตเร็ว?
ไก่เนื้อที่เลี้ยงกันในปัจจุบันนั้นใช้เวลาเลี้ยงแค่ 40 กว่าวันก็ได้น้ำหนักมากกว่า 2-3 กิโลกรัม ขณะที่ในอดีตต้องใช้เวลาเลี้ยงไก่ถึง 50-60 วัน ก็ยังได้น้ำหนักไม่ถึง 2 กิโลกรัม ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะวิวัฒนาการในการปรับปรุงสายพันธุ์ไก่อย่างต่อเนื่องมาตลอด ด้วยการปรับปรุงสายพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติ ด้วยการคัดเลือกสายพันธุ์ไก่ที่มีลักษณะดีตามที่ต้องการ กล่าวคือ หากต้องการให้ไก่มีเนื้อเยอะ นักปรับปรุงพันธุ์ก็จะคัดเลือกไก่ที่มีลักษณะเนื้อเยอะมาเป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ส่วนถ้าอยากได้ไก่ที่โตเร็วก็คัดเลือกลักษณะของไก่ที่โตเร็ว แล้วก็เอามาผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ จากนั้นก็มีการปรับปรุงมาเรื่อยๆ ใช้เวลาเป็นสิบๆปี
“ระยะเวลาการเลี้ยงที่ลดลงนี้เองที่ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าทำไมไก่จะโตเร็วได้ขนาดนั้นเชียวหรือ เป็นไปได้อย่างไร แบบนี้คงต้องมีการใช้ฮอร์โมนแน่ๆ ขอยืนยันว่าไก่ในปัจจุบันโตเร็วจากลักษณะที่ถูกปรับปรุงทางพันธุกรรมมา ซึ่งไก่ที่ถูกปรับปรุงสายพันธุ์นั้นไม่ได้มีอันตรายใดๆ เพราะเป็นเรื่องของพันธุกรรมที่อยู่ภายในตัวไก่เอง”
เลิกเชื่อ!!..เลิกแชร์!!…คลิปกินไก่อันตราย
เวลาเห็นคลิปที่บอกว่าไก่เนื้อมีอันตราย มีการปลอมปน มีฮอร์โมน ก็ไม่แปลกที่คนเห็นจะรู้สึกว่าน่าเชื่อถือ และน่าจะเป็นไปได้ แต่เรื่องนี้ อ.สพ.ญ.พัชราภรณ์ ขอให้ทุกคนคิดว่า คลิปเหล่านี้ หรือสื่อต่างๆที่ออกมานั้น อยากให้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งไว้ก่อน จากนั้นควรถามคนที่อยู่ในวงการจริงๆ หรือถามผู้รู้ หาข้อมูลเพิ่มเติม อาจจะพบว่าในบางประเด็นอาจจะไม่เป็นความจริงเลยก็ได้
“อยากให้ทุกคน คิดก่อนแชร์ ว่าเรื่องที่เห็นนั้นอาจจะไม่ได้เป็นจริง 100% แล้วก็หาข้อมูลสนับสนุนที่เชื่อถือได้มาสนับสนุนก่อน สรุปว่า…เรื่องฉีดฮอร์โมนในไก่นั้นไม่มีจริง และความเชื่อที่ว่ากินไก่แล้วจะทำให้โตก่อนวัยนั้นก็ไม่จริงเช่นกัน”
…..ทั้งหมดนี้คงช่วยให้คนที่ยังสงสัยในตัวไก่ว่าเป็นผู้ร้าย และหลงเชื่อว่าอุตสาหกรรมไก่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งโต “ได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง” แต่ถ้ายังไม่เชื่อสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็น ก็ขอให้พิจารณากันที่ความเป็นจริงที่ว่า ไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากบราซิล อเมริกา และสหภาพยุโรป โดยมีประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เรื่องนี้ไม่ได้เกิดเพราะโชคช่วาย แต่ทั้งหมดเกิดจากความเชื่อมั่นในสินค้าปศุสัตว์ของไทยที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐานโลก มีความปลอดภัย ปลอดสาร ไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง ทำให้เนื้อไก่ของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ซึ่งในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่นั้นก็เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งไก่ส่งออกและไก่ที่บริโภคในบ้านเรา..หยุดใส่ร้ายไก่ เพื่อเปิดโอกาสตัวเองและคนในครอบครัวได้บริโภคอาหารโปรตีนคุณภาพดีเสียที
*****************
ข้อมูล/ข่าว : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/economy/news-145745
เนื้อไก่ที่คนบริโภคทุกวันนี้ มาจากไหน ?
เนื้อไก่ตามท้องตลาดทั้งที่เป็นตัว หรือเป็นชิ้นส่วนนั้น 90% เป็นไก่ที่เลี้ยงในระบบอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสายพันธุ์ทางการค้า ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์ จึงโตเร็ว สามารถเลี้ยงได้ครั้งละมากๆ สามารถป้อนเข้าสู่โรงเชือดได้ทุกวัน ทำให้เรามีไก่บริโภคทุกวัน แต่อีกส่วนที่เหลือ 10% คือไก่บ้าน ปริมาณการผลิตที่สามารถป้อนความต้องการของผู้บริโภคทุกวันเช่นนี้ อาจทำให้มีคำถามว่า จะมีการแอบฉีดฮอร์โมนเร่งให้ไก่โตหรือไม่? อ.สพ.ญ.พัชราภรณ์ ยืนยันว่าในระบบการเลี้ยงแบบอุตสาหกรรมนั้นไม่มีการใช้ฮอร์โมนในการเลี้ยงแน่นอน เพราะผิดกฎหมายมีการยกเลิกการใช้มานานหลาย 10 ปีแล้ว เรื่องนี้อาจเป็นเพราะคนยังติดภาพเก่าๆกันอยู่ อย่างในอดีตประมาณ 30-40 ปีที่แล้ว มีข่าวออกมามากว่ามีฮอร์โมน มีสารเร่งโต มีสารตกค้าง โดยเฉพาะในคอไก่ คนพูดกันว่าคอคือตำแหน่งที่ไก่ถูกฉีดยา ฉีดฮอร์โมน ทำให้คนไม่กล้ากินไก่
“พูดได้เต็มปากว่าในปัจจุบัน 100% ในไก่เนื้อไม่มีฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตแน่นอน เพราะตามหลักการแล้วถ้าจะให้ใช้ฮอร์โมนแล้วได้ผลนั้น ต้องให้ติดต่อกันทุกวัน แล้วในไก่เนื้อที่เลี้ยงในอุตสาหกรรมจำนวนมากๆนั้น การให้ฮอร์โมนทุกวันเท่ากับว่าต้องจับไก่มาฉีดทุกวัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะจับไก่เป็นแสนเป็นล้านตัวมาฉีดที่ละตัวทุกวัน”
ที่สำคัญการใช้ฮอร์โมนเร่งโตมีผลเสียหลายประการ คือ 1.อันตรายต่อผู้บริโภค 2. เพิ่มต้นทุนการผลิต 3.ผิดกฎหมาย เมื่อถามว่าวันนี้มีใครอยากจะเสี่ยงไหม…มีคำตอบเดียวคือไม่มีใครแน่นอน
ถ้าไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งโตแล้วทำไมไก่ถึงโตเร็ว?
ไก่เนื้อที่เลี้ยงกันในปัจจุบันนั้นใช้เวลาเลี้ยงแค่ 40 กว่าวันก็ได้น้ำหนักมากกว่า 2-3 กิโลกรัม ขณะที่ในอดีตต้องใช้เวลาเลี้ยงไก่ถึง 50-60 วัน ก็ยังได้น้ำหนักไม่ถึง 2 กิโลกรัม ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะวิวัฒนาการในการปรับปรุงสายพันธุ์ไก่อย่างต่อเนื่องมาตลอด ด้วยการปรับปรุงสายพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติ ด้วยการคัดเลือกสายพันธุ์ไก่ที่มีลักษณะดีตามที่ต้องการ กล่าวคือ หากต้องการให้ไก่มีเนื้อเยอะ นักปรับปรุงพันธุ์ก็จะคัดเลือกไก่ที่มีลักษณะเนื้อเยอะมาเป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ส่วนถ้าอยากได้ไก่ที่โตเร็วก็คัดเลือกลักษณะของไก่ที่โตเร็ว แล้วก็เอามาผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ จากนั้นก็มีการปรับปรุงมาเรื่อยๆ ใช้เวลาเป็นสิบๆปี
“ระยะเวลาการเลี้ยงที่ลดลงนี้เองที่ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าทำไมไก่จะโตเร็วได้ขนาดนั้นเชียวหรือ เป็นไปได้อย่างไร แบบนี้คงต้องมีการใช้ฮอร์โมนแน่ๆ ขอยืนยันว่าไก่ในปัจจุบันโตเร็วจากลักษณะที่ถูกปรับปรุงทางพันธุกรรมมา ซึ่งไก่ที่ถูกปรับปรุงสายพันธุ์นั้นไม่ได้มีอันตรายใดๆ เพราะเป็นเรื่องของพันธุกรรมที่อยู่ภายในตัวไก่เอง”
เลิกเชื่อ!!..เลิกแชร์!!…คลิปกินไก่อันตราย
เวลาเห็นคลิปที่บอกว่าไก่เนื้อมีอันตราย มีการปลอมปน มีฮอร์โมน ก็ไม่แปลกที่คนเห็นจะรู้สึกว่าน่าเชื่อถือ และน่าจะเป็นไปได้ แต่เรื่องนี้ อ.สพ.ญ.พัชราภรณ์ ขอให้ทุกคนคิดว่า คลิปเหล่านี้ หรือสื่อต่างๆที่ออกมานั้น อยากให้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งไว้ก่อน จากนั้นควรถามคนที่อยู่ในวงการจริงๆ หรือถามผู้รู้ หาข้อมูลเพิ่มเติม อาจจะพบว่าในบางประเด็นอาจจะไม่เป็นความจริงเลยก็ได้
“อยากให้ทุกคน คิดก่อนแชร์ ว่าเรื่องที่เห็นนั้นอาจจะไม่ได้เป็นจริง 100% แล้วก็หาข้อมูลสนับสนุนที่เชื่อถือได้มาสนับสนุนก่อน สรุปว่า…เรื่องฉีดฮอร์โมนในไก่นั้นไม่มีจริง และความเชื่อที่ว่ากินไก่แล้วจะทำให้โตก่อนวัยนั้นก็ไม่จริงเช่นกัน”
…..ทั้งหมดนี้คงช่วยให้คนที่ยังสงสัยในตัวไก่ว่าเป็นผู้ร้าย และหลงเชื่อว่าอุตสาหกรรมไก่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งโต “ได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง” แต่ถ้ายังไม่เชื่อสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็น ก็ขอให้พิจารณากันที่ความเป็นจริงที่ว่า ไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากบราซิล อเมริกา และสหภาพยุโรป โดยมีประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป เรื่องนี้ไม่ได้เกิดเพราะโชคช่วาย แต่ทั้งหมดเกิดจากความเชื่อมั่นในสินค้าปศุสัตว์ของไทยที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐานโลก มีความปลอดภัย ปลอดสาร ไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง ทำให้เนื้อไก่ของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ซึ่งในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่นั้นก็เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งไก่ส่งออกและไก่ที่บริโภคในบ้านเรา..หยุดใส่ร้ายไก่ เพื่อเปิดโอกาสตัวเองและคนในครอบครัวได้บริโภคอาหารโปรตีนคุณภาพดีเสียที