![“ร้อยเพชร” ฟาร์มกุ้งโรงเรือนระบบปิดต้นแบบแห่งเดียวของไทย มุ่งลดปัญหาความตึงเครียดจากน้ำ สู่การใช้น้ำเต็มประสิทธิภาพ “ร้อยเพชร” ฟาร์มกุ้งโรงเรือนระบบปิดต้นแบบแห่งเดียวของไทย มุ่งลดปัญหาความตึงเครียดจากน้ำ สู่การใช้น้ำเต็มประสิทธิภาพ](/storage/news/p0jgnzeus6l8hqlzfst8qszjvuc6uja0o3ps5ezg.jpg)
![](https://www.cpfworldwide.com/images/media_center/media_white.png)
บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ พัฒนาฟาร์มเลี้ยงกุ้งโรงเรื อนระบบปิดร้อยเพชร เป็นต้นแบบในการใช้ทรัพยากรน้ำ ตามธรรมชาติอย่างมีประสิทธิ ภาพสูงสุด (Resource Efficiency) โดยเฉพาะเป้าหมายลดปัญหาความตึ งเครียดจากน้ำ (Water Stress) เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมสู่การใช้ น้ำจากธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ซีพีเอฟ ในฐานะบริษัทอุตสาหกรรมเกษตรอาหารชั้นนำ ได้พัฒนาฟาร์มเลี้ยงกุ้งโรงเรือนระบบปิดร้อยเพชรตามวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1.การสร้างต้นแบบฟาร์มเลี้ยงกุ้งระบบโรงเรือนปิด ด้วยการนำเทคโนโลยี มาตรฐานโลกเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยง 2.เพิ่มผลผลิตด้วยการควบคุมสภาวะแวดล้อมภายในโรงเรือน และป้องกันโรคเพื่อการเจริญเติบโตของกุ้งอย่างมีประสิทธิภาพ และ 3.การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ด้วยการกำหนดแนวทางการลดการใช้น้ำ การใช้ซ้ำ และหาแนวทางใหม่ๆเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำสูงสุด ในการหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ ไม่ใช้น้ำจากธรรมชาติมากเกินไป
น.สพ.สุจินต์ ธรรมศาสตร์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯมีการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงในการใช้น้ำเลี้ยงกุ้งเหลือเพียง 0.8 ลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 800 ลิตร ต่อผลผลิตกุ้ง 1 กิโลกรัม หรือใช้น้ำไม่ถึง 20% ของการใช้น้ำในฟาร์มเลี้ยงกุ้งทั่วไป ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ ในโรงเรือนระบบปิดร้อยเพชร ทำให้การใช้น้ำในฟาร์มแห่งนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อเปรียบเทียบกับฟาร์มเลี้ยงกุ้งทั่วไป การใช้น้ำอยู่ในระดับ 4-5 ลูกบาศก์เมตร ต่อผลผลิตกุ้ง 1 กิโลกรัม ขณะที่การเลี้ยงแบบกึ่งพัฒนาที่ใช้จุลินทรีย์ในน้ำในการกำจัดของเสียที่เกิดจากเศษอาหารกุ้งหรือขี้กุ้ง (bio floc) และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (recycle) มีการใช้น้ำ 2-3 ลูกบาศก์เมตร ต่อผลผลิตกุ้ง 1 กิโลกรัม ซึ่งยังคงใช้น้ำเพื่อการเลี้ยงกุ้งในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม น้ำทิ้งจากฟาร์มร้อยเพชรซึ่งมีปริมาณน้อยมาก จะถูกระบายไปยังบ่อบำบัดภายในฟาร์มก่อน เพื่อทำการบำบัดตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของกรมประมงและตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างเคร่งครัดก่อนปล่อยออกสู่ธรรมชาติ เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ระบบโรงเรือนปิดยังทำให้บริษัทสามารถติดตาม (tracking) การนำน้ำจากธรรมชาติมาใช้ และนำกลับมาใช้ใหม่ได้
“ระบบโรงเรือนปิดทำให้เราสามารถควบคุมปริมาณการใช้น้ำ และคุณภาพน้ำ ได้อย่างรัดกุม ที่สำคัญไม่นำน้ำจากธรรมชาติ มาใช้เกินความจำเป็น แต่มีการใช้น้ำจากธรรมชาติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แม้แต่น้ำทิ้งจากฟาร์มจะถูกบำบัดจนได้ค่ามาตรฐาน นั่นหมายความว่าลดการรบกวนแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืนด้วย” น.สพ.สุจินต์ กล่าว
ที่ฟาร์มแห่งนี้ใช้ระบบการหมุนเวียนน้ำโดยเริ่มจากการนำน้ำธรรมชาติเข้าสู่บ่อพัก น้ำที่สะอาดปลอดภัยต่อกระบวนการผลิตจะถูกส่งต่อไปยังบ่อเลี้ยงกุ้ง น้ำหลังการใช้งานแล้วจะถูกปล่อยออกไปยังบ่อตกตะกอน จากนั้นส่งไปยังบ่อบำบัดและบ่อเก็บกัก ดังนั้น น้ำที่ใช้หมุนเวียนในฟาร์มจะถูกตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดให้ได้น้ำตามมาตรฐานไม่มีการปนเปื้อน แล้วจึงนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะช่วยป้องกันและควบคุมโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายบริหารจัดน้ำอย่างมีประสิทธิภาพชัดเจนและเคร่งครัดตามแนวทาง 4Rs คือ ลดการใช้ (reduce) นำกลับมาใช้ใหม่ (recycle) การใช้ซ้ำ (reuse) และการหาแนวทางใหม่มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ (replenish) เพื่อให้การอนุรักษ์น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ยังมีการควบคุมการใช้ไฟฟ้าผ่านระบบการจัดการพลั งงานสากลตามมาตรฐาน ISO 50001
น.สพ.สุจินต์ กล่าวย้ำว่า โรงเรือนระบบปิดร้อยเพชรเป็นการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ ซีพีเอฟ โดยมุ่งลดปริมาณการใช้น้ำในการเลี้ยงกุ้งอย่างมีนัยสำคัญ ยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานอาหารสากล ตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่การผลิตอย่างยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน เพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้บริโภค ทั้งยังลดความเสี่ยงและสูญเสียในการดำเนินธุรกิจ
![สจล. – ซีพีเอฟ บูรณาการความร่วมมือพัฒนาคนรุ่นใหม่ สร้างนวัตกรรมรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหาร](https://www.cpfworldwide.com/storage/news/KMTILxCPF Thumb_1719580288.jpg)
Tag:
#STEM