เกี่ยวกับซีพีเอฟ
เกี่ยวกับซีพีเอฟ
ซีพีเอฟดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพบนมาตรฐานการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและกระบวนการทำงานที่รับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม
เกี่ยวกับซีพีเอฟ สำหรับบุคลากร
ธุรกิจ
ธุรกิจ ซีพีเอฟ
ซีพีเอฟมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สะอาดถูกสุขอนามัย ปลอดภัย และตรวจสอบย้อนกลับได้
ภาพรวมธุรกิจ
บรรษัทภิบาล
บรรษัทภิบาล
พัฒนาการความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโต ทางธุรกิจและเติมเต็มความมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าร่วมในระยะยาวอย่างยั่งยืน ไปพร้อมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
our mision
สารถึงผู้ถือหุ้น
บริษัทยังคงพยายามอย่างเต็มกำลังในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร เพื่อเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนสัมพันธ์
นักลงทุนสัมพันธ์
บริษัทมุ่งเน้นที่จะสร้างผลตอบแทนด้วยความใส่ใจให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน อันจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นักลงทุนสัมพันธ์ ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์
ความยั่งยืน
ความยั่งยืน
เพื่อเสริมสร้าง “ศักยภาพและโอกาสการเติมโต“ สู่ “การสร้างคุณค่าร่วมกับทุกภาคส่วน“
ซีพีเอฟกับความยั่งยืน
sustainability
ซีพีเอฟกับความยั่งยืน
ซีพีเอฟขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักความรับผิดชอบต่อสังคมสู่ความยั่งยืนภายใต้ 3 เสาหลัก “อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่“
สื่อเผยแพร่
สื่อเผยแพร่
ศูนย์ข่าวสารซีพีเอฟ นำเสนอเรื่องราวครอบคลุมทั้งความยั่งยืน นวัตกรรม ข่าวสารอุตสาหกรรม และกิจกรรมอื่นๆ
สื่อเผยแพร่
media-center
สื่อเผยแพร่
ติดตามข่าวสารล่าสุด และเรื่องราวดีๆ จากซีพีเอฟได้ที่นี่
THAI
ซีพีเอฟ แนะวิธีเลี้ยงสัตว์ช่วงอากาศเปลี่ยน
10 พ.ย. 2557
ซีพีเอฟ แนะวิธีเลี้ยงสัตว์ช่วงอากาศเปลี่ยน

ช่วยปลายปีเช่นนี้ ปกติต้องมีลมหนาวพัดผ่านเข้ามาให้ได้สบายตัวกันแล้ว แต่วันนี้ยังคงเห็นหลายพื้นที่ยังมีฝนตกชุก สลับกับอากาศร้อนในช่วงกลางวัน พอตกเย็นอุณหภูมิกลับลดต่ำลง อากาศเช่นนี้นับว่าเป็นอุปสรรคสำหรับการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรที่ต้องเร่งหามาตรการรับมือกับปัญหาไว้ก่อนจะสาย

 

วันนี้จึงนำแนะนำดีๆจาก พี่ใหญ่ในวงการปศุสัตว์บ้านเรา อย่าง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ มาบอกต่อ โดยได้แนะแนวทางการเลี้ยงสัตว์แก่พี่น้องเกษตรกร เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่เฝ้าระวังไว้แต่เนิ่นๆ ยิ่งอากาศอย่างที่ว่ามาด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สัตว์ป่วยไข้ได้ง่ายๆ

 

น.สพ.นรินทร์  ร่มลำดวน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ ผู้ชำนาญการด้านสุขภาพสัตว์ บอกว่า อากาศหนาวเย็นที่สลับกับอากาศร้อนจัดและมีฝนมาสำทับภายในวันเดียวอย่างนี้ ย่อมส่งผลโดยตรงให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียด ก่อให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันโรคลดลง จึงไม่แปลกที่สัตว์มักจะเจ็บป่วยง่ายขึ้นในช่วงนี้ สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ การปรับสภาพในโรงเรือนให้เหมาะสม สำหรับสัตว์กีบคู่ อาทิ โค กระบือ สุกร ช่วงนี้ต้องเฝ้าระวังเรื่องโรคติดต่อ โดยเฉพาะโรคที่มักพบบ่อย คือ โรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) โดยเฉพาะเขตภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ซึ่งสัตว์ป่วยจะแสดงอาการซึม ไข้สูง ทำให้แม่สุกรแท้งลูก น้ำลายไหลฟูมปาก ต่อมาเกิดเม็ดตุ่มใส มีเม็ดตุ่มที่ปาก-จมูกและกีบเท้า เมื่อสัตว์เจ็บปากจะกินอาหารไม่ได้ เดินกระเผลก กีบหลุด ซูบผอม โดยโรคนี้มาจากหลายสาเหตุ  ทั้งจากสัตว์พาหะนำเชื้อโรค อาทิ นก หนู สุนัข แมว และการเข้าออกของบุคคลภายนอก รวมถึงเชื้อติดมากับรถและอุปกรณ์ขนส่ง ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องระมัดระวังสาเหตุเหล่านี้ โดยอาจป้องกันด้วยการโรยปูนขาว (Calcium carbonate 4%) ที่สามารถทำลายเชื้อไวรัส FMD ได้ที่สำคัญต้องเน้นการให้วัคซีนอย่างเข้มงวด

 

 สำหรับสุกรมีอีกโรคที่ควรต้องระวังเป็นพิเศษ คือ โรคพีอาร์อาร์เอส (PRRS) ที่ก่อความเสียหายให้กับวงการเลี้ยงสุกรมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี2556 ที่ผ่านมา ยิ่งช่วงนี้ที่อากาศเป็นอย่างที่ว่ามาตอนต้น พบว่ามีการระบาดได้ง่ายขึ้น โดยโรคนี้เชื้อสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีการติดต่อถึงคน สุกรที่ติดเชื้อจะแสดงอาการหอบ ไอ มีไข้ ผิวหนังเป็นปื้นแดง กินอาหารน้อย หมดแรง ในสุกรท้องแก่จะพบอาการแท้ง หรือลูกตายแรกคลอด ลูกที่รอดจะอ่อนแอ โตช้า โรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสPRRS จึงยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ต้องทำการรักษาตามอาการป่วย โดยให้ยาปฏิชีวนะตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน และให้สารเกลือแร่-วิตามิน เพื่อบำรุงร่างกายสัตว์ป่วยให้แข็งแรง

 

สิ่งที่เกษตรกรต้องเข้มงวดในการป้องกันโรคพีอาร์อาร์เอส คือการจัดการกับสุกรสาวทดแทนที่ต้องมีการแยกเลี้ยงก่อนนำเข้ารวมฝูงเดิมอย่างน้อย 1 เดือน และต้องจำกัดยานพาหนะและบุคลากรที่จะเข้าภายในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ที่ต้องผ่านการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครั้ง หากมีการระบาดของโรคในพื้นที่ใด ควรงดนำสุกรฝูงใหม่เข้ามาเลี้ยง และปรึกษาเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อย่างใกล้ชิด

 

ด้านการเลี้ยงสัตว์ปีก หมอนรินทร์ บอกว่า ต้องดูแลสุขภาพภายในโรงเรือนให้มีอุณหภูมิเหมาะสมกรณีที่อุณหภูมิต่ำมากอาจต้องเพิ่มผ้าม่านกั้นแนวลมที่โรงเรือน และควรเพิ่มหลอดไฟกก อีกทั้งต้องควบคุมการให้อาหารให้เหมาะสม อาจต้องให้อาหารบ่อยครั้งขึ้น เพื่อกระตุ้นการกินอาหาร พร้อมเพิ่มวิตามินละลายน้ำให้แม่ไก่ได้ตามสมควร   

 

สำหรับการเลี้ยงปลาช่วงอากาศเปลี่ยน อดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ ผู้คร่ำหวอดในวงการเพาะเลี้ยงปลา บอกว่า ปลาเป็นสัตว์เลือดเย็นจึงมีอุณหภูมิร่างกายเท่ากับสภาพแวดล้อม หากอุณหภูิน้ำลดต่ำลง จะมีผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของสัตว์น้ำ เพราะระบบเมตาบอลิซึ่มในร่างกายของปลาจะมีความผิดปกติ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันที่จะลดต่ำลงด้วย ทำให้ปลากินอาหารลดลงและอ่อนแอ

 

“สภาวะอากาศในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของปลานิลและปลาทับทิม ซึ่งปกติอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเลี้ยงปลาอยู่ที่ประมาณ 26-30 องศาเซลเซียส ขณะที่ปัจจุบันอุณหภูมิในช่วงเช้ากับค่ำอุณหภูมิลดต่ำลง ส่วนสายถึงบ่ายอากาศกลับสูงขึ้น ที่สำคัญแหล่งน้ำสำหรับเลี้ยงปลาบางแห่งปริมาณน้ำก็ลดลงเป็นอย่างมากเนื่องจากปัญหาภาวะแล้ง ทำให้ปลากระชังที่เลี้ยงในแม่น้ำสายต่างๆ ได้รับผลกระทบมากยิ่งขึ้น” อดิศร์ อธิบาย

 

การเลี้ยงปลาในช่วงนี้ เกษตรกรจึงต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ หากเลี้ยงในกระชังต้องระวังอย่าปล่อยปลาจนหนาแน่นจนเกินไป ควรปล่อยลูกปลาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และหมั่นสังเกตการกินอาหารที่อาจลดลงเนื่องจากอุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ควรยึดหลักการให้อาหารทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง หลีกเลี่ยงการให้อาหารช่วงเช้าที่มีอุณหภูมิต่ำ เกษตรกรควรผสมวิตามินซีและสารกระตุ้นภูมิต้านทานในอาหารให้ปลากินสัปดาห์ละ 3 ครั้งเพื่อภูมิต้านทาน

 

ส่วนการเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำ อดิศร์ บอกว่า  หากพบปัญหาน้ำแห้งอาจต้องลงเลี้ยงปลาให้เหมาะสมไม่เลี้ยงหนาแน่นจนเกินไป และต้องลากกระชังลงไปในบริเวณน้ำลึกขึ้น หากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพน้ำแนะนำให้ผสมวิตามินซีในอาหารเพื่อลดความเครียด ควรหมั่นสังเกตการกินอาหารของปลาอย่าให้เหลือมาก อาจแบ่งการให้อาหารเป็น 5-6 มื้อต่อวันเพื่อกระตุ้นการกิน การให้อาหารแต่ละครั้งควรให้ทีละน้อย เท่าที่ปลากินหมดและต้องสังเกตปริมาณอาหารที่เหลือลอยบนผิวน้ำ หากมีปริมาณมาก ควรปรับลดอาหารให้พอเหมาะ นอกจากนี้ ต้องหมั่นตรวจสอบสุขภาพปลาโดยการสุ่มตรวจพาราไซต์ทุกๆสัปดาห์


นอกจากนี้ อดิศร์ ยังแนะนำการเลี้ยงปลาในรูปแบบบ่อดิน ที่ปัจจุบันถือว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับการเลี้ยงปลาเชิงพาณิชย์ และยังแนะนำมิติใหม่ในการผลิตปลาที่ซีพีเอฟค้นคว้าและพัฒนาขึ้น  ด้วยนวัตกรรมการเลี้ยงสัตว์น้ำในระบบ “โปร-ไบโอติก” (Pro-Biotic Farming) ที่ใช้แบคทีเรียที่เป็นมิตรไปจัดการสภาพบ่อ โดยไม่มีการใช้ยาหรือสารปฏิชีวนะใดๆ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยควบคุมคุณภาพน้ำ ทำให้ได้ปลาที่เลี้ยงมีสุขภาพดี ได้ผลผลิตปลาเนื้อคุณภาพสูง ทั้งนี้ เกษตรกรควรวัดคุณภาพน้ำเป็นประจำ โดยค่าของแอมโมเนียรวมที่ละลายน้ำไม่ควรเกิน 0.5 ppm. และควรติดตั้งเครื่องให้อากาศและควรเปิดตลอดเวลาโดยเฉพาะในเวลากลางวัน เพื่อให้น้ำมีการผสมกันตลอดตามแนวลึกของบ่อ ไม่เกิดการแบ่งชั้นของน้ำ และเกิดการผสมของอากาศกับน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรให้มีปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำอยู่ไม่น้อยกว่า 4 ppm.


คำแนะนำทั้งหมดนี้คงจะช่วยลดผลกระทบจากภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันได้ หากพี่น้องเกษตรกรนำเทคนิควิธีการเหล่านั้นไปปรับใช้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามการเลี้ยงสัตว์ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนนั้น ขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ของเกษตรกรเป็นสำคัญ

กิจกรรมอื่น ๆ
เนื้อแปรรูปไม่ใช่ผู้ร้าย เพียงรู้และเข้าใจ บริโภคอย่างปลอดภัย
31 มี.ค. 2564
เนื้อแปรรูปไม่ใช่ผู้ร้าย เพียงรู้และเข้าใจ บริโภคอย่างปลอดภัย
กรมปศุสัตว์ย้ำเนื้อสัตว์ปลอดภัย ปลอดโควิด แนะเลือกซื้อแหล่งมาตรฐาน สังเกตสัญลักษณ์ "ปศุสัตว์ OK" เน้นทานอาหารปรุงสุกเท่านั้น
09 ก.พ. 2564
กรมปศุสัตว์ย้ำเนื้อสัตว์ปลอดภัย ปลอดโควิด แนะเลือกซื้อแหล่งมาตรฐาน สังเกตสัญลักษณ์ "ปศุสัตว์ OK" เน้นทานอาหารปรุงสุกเท่านั้น
เนื้อสัตว์ปรุงสุกทานได้ปลอดภัย ย้ำ!! อาหารไม่ใช่แหล่งแพร่โควิด-19
29 ม.ค. 2564
เนื้อสัตว์ปรุงสุกทานได้ปลอดภัย ย้ำ!! อาหารไม่ใช่แหล่งแพร่โควิด-19
ย้ำสุกรในไทยไม่เคยพบไวรัส G4 หรือไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่
14 ม.ค. 2564
ย้ำสุกรในไทยไม่เคยพบไวรัส G4 หรือไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่
cpfworldwide.com ใช้คุกกี้บนเว็บไซต์นี้เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)
x