![ซีพีเอฟเดินหน้าการเป็นผู้นำด้านอาหารตอกย้ำครัวโลกสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซีพีเอฟเดินหน้าการเป็นผู้นำด้านอาหารตอกย้ำครัวโลกสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน](/storage/news/pukc888cykvew7ujohfpdcjvzivibcp9adfhswwr.jpg)
![](https://www.cpfworldwide.com/images/media_center/media_white.png)
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ คาดรายได้ปี 2560 โต 10% ตามเป้า เป็นผลจากกิจการในต่างประเทศ มุ่งพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สู่เป้าหมาย “ครัวของโลก” ขึ้นแท่นบริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำของโลก
นายสุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากเป้าหมายดังกล่าว ซีพีเอฟมุ่งขับเคลื่อนบริษัทสู่การเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก โดยให้น้ำหนักการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเกษตรอุตสาหกรรมสู่อาหารที่มีนวัตกรรม ขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตจากกิจการที่ไปลงทุนในแต่ละประเทศมากขึ้น เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก
“UN FAO จัดอันดับให้เครือซีพีเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ซึ่งเราเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ชั้นนำ สุกร ไก่ และกุ้ง ด้วยมาตรฐานสากลและดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล” นายสุขสันต์กล่าวและว่า
ซีพีเอฟเดินหน้าตามกลยุทธ์สร้างการเติบโต ด้วยการเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (integration model) ที่มีห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่ยาวที่สุด จากธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ สู่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ จนถึงธุรกิจอาหารแปรรูป ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการ ตอบโจทย์เรื่องอาหารยั่งยืน หรือ Food Sustainability สร้างความน่าเชื่อถือในตราสินค้าให้กับผู้บริโภคทั่วโลก พร้อมเร่งการลงทุนในต่างประเทศให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ ดังจะเห็นได้จากการที่ซีพีเอฟได้เข้าไปลงทุนใน 16 ประเทศทั่วโลกแล้ว ประกอบด้วย ไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน จีน อินเดีย ศรีลังกา รัสเซีย ตุรกี โปแลนด์ เบลเยี่ยม อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา โดยในปีนี้บริษัทเข้าลงทุนเพิ่มในเยอรมนีเป็นประเทศที่ 17 จากการซื้อกิจการของ Peter Paulsen คาดว่าปี 2560 บริษัทจะมียอดขายประมาณ 5 แสนล้านบาท โตร้อยละ 10 และยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูงปลอดภัย ป้อนประชากรกว่า 4,000 ล้านคนทั่วโลก
นายสุขสันต์ ย้ำว่า ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ตามปรัชญา 3 ประโยชน์ (ประเทศ ประชาชน และบริษัท) ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน ประกอบด้วย อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่ โดยซีพีเอฟได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ หรือ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) ปีนี้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขณะเดียวกัน ยังมุ่งพัฒนาทุกกระบวนการผลิตเพื่อรองรับความต้องการอาหารตามแนวโน้มประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (มีการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวน 10,000 ล้านคนในปี ค.ศ. 2050) ตลอดจนอัตราการขยายตัวของชุมชนเมือง ทำให้มีความต้องการบริโภคอาหารที่สะดวกและถูกสุขอนามัยมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสของซีพีเอฟ
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตลาด ผ่านช่องทาง E-commerce ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติและการนำหุ่นยนต์มาใช้ในสายการผลิต การวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำด้วย Big Data นำไปสู่การบริหารจัดการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการผลิต และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก ตลอดจนมุ่งพัฒนาบุคลากรและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมผลักดันให้เกิดการวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถสู่การเป็นผู้นำระดับโลก