นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” ซึ่งนอกจากซีพีเอฟจะมุ่งมั่นผลิตอาหารที่มีคุณภาพ และปลอดภัย ป้อนให้กับคนทั่วโลกแล้ว ซีพีเอฟยังตระหนักถึงการมีส่วนร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในการเข้าถึงอาหารได้อย่างพอเพียง ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการในทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นเราจึงเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ที่ขาดโอกาสทุกเพศทุกวัยได้บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ซีพีเอฟยังได้เข้าไปพัฒนาและดูแลชุมชนโดยรอบบริเวณที่ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ และธุรกิจอาหารของเราตั้งอยู่ทั่วประเทศ โดยเข้าไปช่วยเสริมสร้างทักษะอาชีพและคุณภาพชีวิต เพื่อให้เกิด “สังคมพึ่งตน” ได้อย่างเข้มแข็ง
“ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เยาวชนที่มีฐานะยากจนได้บริโภคไข่ไก่ อาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 มื้อ เพื่อให้มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาทางด้านสติปัญญาต่อไป เพราะเยาวชนเหล่านี้จะกลายเป็นกำลังหลักที่สำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต และเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาหลักของเยาวชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล คือ ขาดแคลนอาหาร และเข้าถึงอาหารที่มีคุณประโยชน์ได้ยาก เนื่องจากทางบ้านมีฐานะยากจน ทำให้ได้รับปริมาณสารอาหารไม่เพียงพอ เกิดภาวะทุพโภชนาการ ซีพีเอฟ ในฐานะผู้ผลิตอาหารจึงเข้าไปส่งเสริมให้เยาวชนกลุ่มนี้ได้บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ อันจะนำไปสู่การมีภาวะโภชนาการที่ดี และมีสุขภาพแข็งแรง จึงร่วมกับมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ และเหล่าพนักงาน ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยในภาวะโภชนาการของเด็กนักเรียนควรจะได้บริโภคอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ จึงดำเนิน โครงการ “เลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” มาตั้งแต่ปี 2531 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้ให้การสนับสนุนโรงเรียนไปแล้ว 464 แห่ง ด้วยงบประมาณ 54.6 ล้านบาท” นายอดิเรก กล่าว
สำหรับปี 2558 ได้ตั้งเป้าดำเนินโครงการ เพิ่มอีก 50 แห่ง ด้วยงบประมาณ 11.11 ล้านบาท โดยโรงเรียนบ้านโป่ง ตำบล แม่แฝก อำเภอ สันทราย จังหวัด เชียงใหม่ จะเป็นโรงเรียนแรกของ 50 โรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการในปีนี้ และนับเป็นแห่งที่ 465 โดยตลอดปี 2558 จะมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นรวม 514 แห่งทั่วประเทศ ภายในเดือนพฤษภาคม 2558 ส่งเสริมให้เยาวชนไทยกว่า 140,000 คน ได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ภายในโครงการซีพีเอฟจะมอบทุนก่อสร้างโรงเรือนและอุปกรณ์ มอบพันธุ์ไก่ไข่ อาหารสัตว์ และปัจจัยอื่นๆ สำหรับการเลี้ยงไก่ไข่ในรุ่นแรก และจัดส่งผู้เชี่ยวชาญของบริษัทเข้าไปดูแล ฝึกสอน และให้คำแนะนำแก่ครูและนักเรียนตลอดระยะเวลาการเลี้ยง เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการเลี้ยงไก่ที่ถูกต้อง ซึ่งเด็กเหล่านี้จะได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ทั้งการผลิต การจัดการ และการตลาด ทำให้มีความรู้ความเข้าใจกระบวนการเลี้ยงไก่ไข่ติดตัวสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ในอนาคต และประชาชนที่อาศัยอยู่ชุมชนใกล้เคียงยังสามารถเข้าถึงแหล่งอาหารที่มีโปรตีน มีไข่ไก่สดบริโภคในชุมชน เพื่อนำรายได้มาเป็นทุนหมุนเวียน ซึ่งในปัจจุบันมีโรงเรียนในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสังกัดอื่นๆ เข้าร่วมโครงการ
นอกจากเยาวชนแล้วซีพีเอฟยังให้ความสำคัญกับผู้สูงวัยที่เคยทำคุณประโยชน์ในกับประเทศชาติมายาวนาน แต่ในวันนี้ผู้สูงวัยเหล่านี้ ถูกทอดทิ้ง ขาดผู้อุปการะดูแล ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และมีฐานะยากจน ซีพีเอฟจึงอาสาเข้าไปดูแลผู้สูงวัยเหล่านี้ที่อาศัยอยู่รอบโรงงานหรือฟาร์ม โดยบริษัทจะมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค และเบี้ยยังชีพ ภายใต้ โครงการ “กองทุน ซีพีเอฟ คืนสุขผู้สูงวัย” ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 นอกจากนี้ยังมีพนักงานซีพีเอฟจิตอาสาได้ผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปดูแล พูดคุยกับผู้สูงวัยด้วยความเต็มใจ เพื่อช่วยเติมเต็มให้ผู้สูงวัยเหล่านี้มีความสุขตามสมควรแก่อัตภาพในบั้นปลายชีวิต โดยปัจจุบันมีผู้สูงวัยเข้าร่วมโครงการ 659 คน และในปี 2558 จะมีผู้สูงวัยที่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มขึ้น 57 คน รวมผู้สูงวัยที่เข้าร่วมโครงการในปี พ.ศ.2558 ทั้งสิ้น 716 คน ด้วยงบประมาณ 54 ล้านบาท
จากนั้นจะทำพิธีมอบผ้าห่มใน โครงการ “ซีพีเอฟ เคียงข้างคนไทย ช่วยภัยหนาว” ที่ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2553 และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับเป็นปีที่ 5 ด้วยความห่วงใยในคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ต้องประสบภัยหนาว ซึ่งสอดคล้องค่านิยมองค์กร หรือ “ซีพีเอฟเวย์” ในเรื่องการตอบแทนคุณแผ่นดิน ซีพีเอฟจึงดำเนินการมอบผ้าห่มให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยหนาวมาแล้วกว่า 190,000 ผืน ด้วยงบประมาณ 45.24 ล้านบาท ซึ่งกิจกรรมนี้อยู่ภายใต้โครงการ "กลุ่มบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดย ประธาน ธนินท์ เจียรวนนท์ เคียงข้างคนไทย ช่วยภัยหนาว"
กิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ ที่ซีพีเอฟได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตอกย้ำการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บนหลักปรัชญา 3 ประโยชน์สู่ความยั่งยืน คือ การดำเนินธุรกิจจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท เพื่อให้บริษัทและสังคมสามารถพัฒนาและเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืนในที่สุด./
Tag:
#RestoretheOcean