การเลือกหุ้นส่วนธุรกิจในระบบคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง
โดย ทิวา ศิริกวี
ปัจจุบันประชากรโลกหันมาให้ความสำคัญและใส่ใจกับอาหารการกินและสุขภาพกันมากขึ้น มีการทวนสอบย้อนกลับถึงที่มาของอาหาร ว่าใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพมาตรฐาน ปลอดภัย ไร้สารตกค้างหรือไม่ จึงเป็นที่มาของการควบคุมมาตรฐานกระบวนการผลิตของผู้ประกอบการอาหารหลายๆราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ส่งออกที่จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งจากภาครัฐภายในประเทศ และจากองค์กรสากลระดับโลก
ดังนั้น เมื่อจำเป็นต้องรักษามาตรฐานคุณภาพของอาหารตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง “ระบบบริหารจัดการ” ในภาคเกษตร จึงถูกนำมาใช้ในแทบทุกประเทศของโลก หนึ่งในระบบบริหารจัดการเพื่อควบคุมคุณภาพอาหารอันเป็นประโยชน์ของผู้บริโภคนั้นก็คือ “ระบบคอนแทร็คฟาร์มมิ่ง” ที่มีต้นกำเนิดจากสหรัฐอเมริกา มานานนับร้อยปี
คอนแทร็คฟาร์มมิ่งในประเทศไทยสามารถทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและเลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืนก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันกลุ่มที่ประสบล้มเหลวก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่จะต้องมีทั้งคนสำเร็จและไม่สำเร็จ ... เมื่อขึ้นชื่อว่า คอนแทร็คฟาร์มมิ่งเป็นการทำธุรกิจ โดยเป็นธุรกิจที่ประกอบด้วยหุ้นส่วนสำคัญ 2 ฝ่าย นั่นก็คือ เกษตรกร กับบริษัทผู้ประกอบการเกษตร ...
เหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จหรือล้มเหลว ย่อมขึ้นอยู่กับตัวตนของหุ้นส่วนทั้ง 2 ฝ่ายเป็นสำคัญ ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกหุ้นส่วนธุรกิจ ย่อมต้องพิจารณาข้อมูลให้ถ้วนถี่ และครบถ้วนรอบด้าน ซึ่งพอจะจำแนกออกได้พอสังเขป ดังนี้
ด้านเกษตรกร : เกษตรกรพึงพิจารณาว่า ผู้ประกอบการนั้น เป็นองค์กรที่มีเทคโนโลยีและวิชาการเกษตรที่มีประสิทธิภาพส่งเสริมให้เกษตรกรมีผลผลิตที่ดีได้จริงหรือไม่ มีระบบบริหารงานที่เป็นมืออาชีพหรือไม่ จำนวนสัตวบาลพี่เลี้ยงหรือเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาดูแลให้คำแนะนำมีจำนวนเพียงพอหรือไม่ มีตลาดรองรับผลผลิตอย่างกว้างขวางหรือไม่ ตลอดจนบริษัทนั้นมีความมั่นคงแข็งแรงทางการเงินด้วยหรือเปล่า
ทั้งนี้ มีงานวิจัยระบุว่าเกษตรกรที่ประสบความล้มเหลวส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มที่เลือกทำธุรกิจคอนแทร็คฟาร์มมิ่งกับบริษัทที่มีระบบบริหารจัดการไม่ดีนัก เทคโนโลยีที่ใช้หรือวัตถุดิบในการเลี้ยงไม่มีคุณภาพ ส่งผลต่อเนื่องให้ผลผลิตของเกษตรกรไม่ดี และกระทบรายได้ในที่สุด หรือบางตัวอย่างที่เห็นชัดๆเมื่อไม่นานมานี้ ที่ผู้ประกอบการรายใหญ่รายหนึ่ง มีปัญหาทางการเงิน กระทั่งไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรได้
ด้านผู้ประกอบการ : บริษัทเองก็พึงต้องคัดเลือกเกษตรกรเช่นกัน โดยพิจารณาถึงประวัติ ความขยันมั่นเพียร ความซื่อสัตย์สุจริต หรือ แม้แต่เป็นผู้ติดเหล้าเมายา หรือติดการพนันหรือไม่ มีวินัยทางการเงินอย่างไร มีความรับผิดชอบหรือเปล่า ซึ่งในแต่ละหมู่บ้านมักจะรู้จักมักคุ้นกันเป็นทุนเดิม สามารถสอบถามจากเพื่อนบ้านหรือเกษตรกรเดิมของบริษัทได้ไม่ยาก
การพิจารณาคัดเลือกเกษตรกรของบริษัท ย่อมมีรายละเอียดปลีกย่อยแยกไปตามประเภทของสัญญาที่จะทำ เช่น หากเป็นเกษตรกรในประเภท “ประกันรายได้” อาจต้องพิจารณาเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตให้มากขึ้นเพราะสินทรัพย์ของบริษัทนับล้าน จะถูกส่งไปให้เกษตรกรดูแลรับผิดชอบการเลี้ยงให้ ขณะที่ "ประกันราคา” อาจต้องพิจารณาเรื่องวินัยทางการเงิน เพราะพบว่าเกษตรกรบางราย ใช้เงินที่กู้จากสถาบันการเงินไปใช้ในในการอื่น ทำให้กระทบการลงทุนในเทคโนโลยีการเลี้ยง เป็นต้น
ระบบคอนแทร็คฟาร์มมิ่งนั้น หากได้หุ้นส่วนที่ดีทั้ง 2 ฝ่าย ย่อมช่วยควบคุมมาตรฐานการผลิตวัตถุดิบที่ดี ก่อนถูกส่งต่อเข้าสู่กระบวนการผลิตอาหาร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคปลายทาง ขณะเดียวกัน ระบบนี้ก็จะช่วยให้ทั้งเกษตรกร บรรลุเป้าประสงค์ด้านรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงบริษัทผู้ประกอบการ ก็จะบรรลุเป้าหมายการจัดเตรียมวัตถุดิบที่ดีสำหรับธุรกิจอาหารของตน เรียกได้ว่า Win-Win ด้วยกันทุกฝ่าย./