นายบุญเพ็ง สันติวัฒนธรรม ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่จีนประกาศลดค่าเงินหยวนลง ส่งผลให้สินค้าส่งออกของจีน มีราคาที่ถูกลง แม้ไทยเองจะมีค่าเงินบาทที่อ่อนลงเช่นกัน แต่ค่าเงินหยวนมีอิทธิพลต่อการค้าของจีนมากกว่าไทย ซึ่งจีนเองถือเป็นทั้งประเทศคู่ค้าและประเทศคู่แข่งที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะในสินค้าภาคเกษตร ไก่สด เนื้อไก่ อาหารสำเร็จรูป และผลไม้ที่แข่งขันกับไทยในตลาดยุโรป แต่ทั้งนี้ ไทยยังได้เปรียบด้านความน่าเชื่อถือของตลาดมากกว่า ทั้งนี้ ภาพรวมการเติบโตของการส่งออกสินค้าอาหารไทยในปี 2558 นี้ คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีมูลค่าประมาณ 960,000 ล้านบาท แม้การส่งออกอาหารจะเติบโตในช่วงไตรมาสที่ 4 ของทุกปี แต่เชื่อว่าเมื่อรวมมูลค่าทั้งปี จะไม่แตะที่ระดับ 1 ล้านล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ ส่งผลต่อปริมาณความต้องการ คำสั่งซื้อชะลอลง อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ซึ่งตลาดส่งออกอาหารไทยที่สำคัญยังอยู่ที่กลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดตลาด AEC ประเทศในกลุ่ม AEC จะเป็นทั้งคู่แข่งและคู่ค้าที่สำคัญ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรปรับตัวพัฒนาคุณภาพสินค้า ด้านการตลาด การผลิต รวมถึงเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อกำลังการผลิต
ด้าน นายเพ็ชร ชินบุตร อดีตผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทย ได้เพิ่มเติมว่า การส่งออกอาหารไทยไปจีน ไม่กระทบมากนัก หลังจากที่จีนปรับลดค่าเงินหยวนลง เนื่องจากไทยยังมีปริมาณการส่งออกอาหารไปจีนในจำนวนน้อยมาก โดยมองว่า ตลาดจีนยังมีความต้องการสินค้าอาหารของไทยอีกจำนวนมาก จึงไม่ต้องการให้มีความกังวลในดังกล่าว ดังนั้น ไทยควรเร่งใช้โอกาสในการส่งออกสินค้าอาหารไปจีน เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าให้มากขึ้น
cr. INN NEWS ภาพ thaibizchina
For more information see our information on Cookies Policy